เพลงพื้นเมืองของเราจึงมักเน้นอยู่สองอย่าง  ซึ่งจะออกมาในรูปของการใช้คำสองแง่สองง่าม  การเว้น เสียซึ่งเรื่องที่ทุกข์มากๆ
  การใช้คำสองแง่สองง่าม  อย่างเช่น เพลงฉ่อยของโรงพิมพ์วัดเกาะ เมื่อฝ่ายชายเกริ่น ฝ่ายหญิงได้ยิน เสียงก็ร้องตอบออกมาว่า

      “พี่เอ๋ยพี่มาถึงจะมาพึ่งของรัก
ไอ้ตรงแอ่งที่ในห่อผ้า
พี่พึ่งเงินจะกอง
พี่จะพึ่งอีแปะ
แม่หนูยังหนัก น้ำใจ
พี่เอ๋ยแกอย่าได้หมาย
พี่พึ่งทองจะให้
จนใจน้องแกะไม่ไหว (เอ่ชา)”
ชายว่า
“ทำไมกับเงินกับทอง
พี่จะพึ่งหนังมาหุ้มเนื้อ
สมบัติเป็นของนอกกาย
จะได้ติดเป็นเยื่อเป็นใย (เอ่ชา)”

  การเว้นเสียซึ่งเรื่องที่ทุกข์มากๆ ระหว่างความสนุก กับความทุกข์ คนเราต้องเลือกเอาอย่างแรกก่อน เสมอบทเพลงของชาวบ้านก็เช่นกัน เมื่อเทียบเนื้อหาในตัวเพลงแล้ว  ส่วนที่กล่าวถึงเรื่องราวแห่งความ ทุกข์มีเปอร์เซ็นต์น้อยว่าด้านความสนุกมาก  และบางครั้ง ความทุกข์ที่นำมาร้องก็เป็นการสมมติขึ้นเพียง เพื่อเปลี่ยน และคั่นอารมณ์คนฟังเท่านั้น  เหมือนอย่างเพลงเรือตอนที่ผัวเก่ากลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านก็ ็ต้องหดหู่ใจที่บ้านรกร้างเพราะไม่มีใครดูแล  ในขณะที่พรรณนาความเปลี่ยนแปลงความเหงาหงอยซึ่งพ่อ เพลงสามารถจะเรียกความสงสารจากคนฟังได้  พ่อเพลงก็ยังอดสอดใส่ลักษณะขี้เล่นเข้าไปไม่ได้  เช่น

พิศดูครอบครัวมันให้ชั่วลามก
หม้อข้าวก็กลิ้งหม้อแกงก็กลิ้ง
ไอ้ครกกะบากก็เล่นละคร
มันช่างสกปรกไม่รู้จักหาย
ฝาละมีตีฉิ่งอยู่ที่ข้างครัวไฟ
สากกะเบือก็นอนเป็นไข้


         

 
Copyright © 2009 by Team FTD, Darunanukul Huathanon School