ส่วนมากเป็นการเกี้ยวพาราสี หรือการซักถามโต้ตอบกัน ความเด่นของเพลงพื้นบ้านอยู่ที่ความไพเราะ คารมหรือถ้อยคำง่าย ๆ แต่มีความหมาย กินใจ ใช้ไหวพริบปฏิภาณในการร้องโต้ตอบกัน เพลงพื้นบ้าน ส่วนใหญ่จะมีเนื้อร้อง และทำนองง่าย ๆ ร้องเล่นได้ไม่ยาก ฟังไม่นานก็สามารถร้องเล่นตามได้การเล่น เพลงชาวบ้าน จะเล่นกัน ตามลานบ้าน ลานวัด ท้องนา ตามลำน้ำ แล้วแต่โอกาสในการเล่นเพลงเครื่อง ดนตรี ที่ใช้เป็นเพียงเครื่องประกอบจังหวะ เช่น ฉิ่งกรับ กลอง หรือ เครื่องดนตรี ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองบาง ทีก็ไม่มีเลยใช้การปรบมือประกอบจังหวะสิ่งสำคัญในการร้องเพลงชาวบ้านอีกอย่างก็คือ ลูกคู่ที่ร้องรับ ร้องกระทุ้ง หรือร้องสอดเพลง ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดความสนุกสนานครึกครื้นยิ่งขึ้นโดยทั่วไปแล้วเพลง พื้นบ้าน จะมีลักษณะเด่น ๆ เป็นที่สังเกตได้ คือ

  1. สำนวนภาษาใช้คำธรรมดาพื้น ๆไม่มีบาลีสันสกฤต ปน ฟังเข้าใจง่าย แต่ถ้อยคำคมคายอยู่ในตัวทำให้ เกิดความสนุกสนาน บางครั้งแฝงไว้ด้วย การใช้ สัญลักษณ์แทนคำหยาบต่างๆ เป็นต้น ว่า ยาเส้น
    ใบพลู ที่นา หัวหมู (อุปกรณ์ไถนา) เป็นต้น และ เรียบง่ายทางด้านโอกาส และสถาน ที่เล่น ไม่ต้อง ยกพื้นเวที
  2. มีความสนุกสนานเพลิดเพลินมีความคมคายในการ
    ใช้ภาษากระทบกระเทียบเปรียบเปรยชวนให้คิด จากประสบการณ์ที่พบเห็นอยู่ในวิถีชีวิตท้องถิ่น
  3. มีภาษาถิ่นปะปนอยู่ ทำให้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิต ประเพณีความเชื่อตลอดจนค่า นิยมต่าง ๆ ที่แฝงอยู่
  4. ลักษณะภาษาคล้องจองกัน ที่เป็นกลอนหัวเดียว คือ กลอนที่ลงท้ายด้วยสระชนิดเดียวกัน เช่น กลอน ไล (ลงเสียงข้างท้ายด้วยสระไอตลอด)  กลอนลี (ลงเสียงข้างท้ายด้วยสระอีตลอด) เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
    ในเพลงไซเอ๋ยไซ ลามะลิลา ซึ่งง่ายต่อการเล่นมุ่งให้ทุกคนมีส่วนร้องได้สนุกสนานร่วมกัน
  5. มักจะมีการร้องซ้ำ บางทีซ้ำที่ต้นเพลง หรือบางทีซ้ำที่ท่อนท้ายของเพลง เช่น เพลงพิษฐาน เพลง พวงมาลัย เพลงฉ่อย เป็นต้น
      ผลดีของการร้องซ้ำ ๆ กัน ก็คือเพิ่มความสนุกสนานให้ผู้อยู่รอบข้างได้มีส่วนร่วมในเพลง ทำให้ บรรยา กาศครึกครื้นและเนื่องจากเป็นการประคารมกันสด ๆ ซึ่งช่วงการร้องซ้ำนี้จะช่วยให้ได้มี โอกาสคิดคำและ พ่อเพลง แม่เพลงจะได้พักเหนื่อย และสามารถใช้ปฏิภาณพลิกแพลง ยั่วล้อกันอีกด้วย
      นอกจากนี้เพลงพื้นบ้านยังมีลักษณะพิเศษอีก คือ เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่เล่าสืบต่อกันมา ปากต่อปากไม่สามารถจะสืบค้นหาตัวผู้แต่งที่แน่นอนได้และมีลักษณะของความเป็นพื้นบ้าน พื้นเมือง

                         

          

 
Copyright © 2009 by Team FTD, Darunanukul Huathanon School