สัลลาปังคพิไสย
(บทโศก)
สัลลาปังคพิไสย
(บทโศก) คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์โศกเศร้า
อาลัยรัก
ตัวอย่าง
บทโศกของนางวันทอง
ซึ่งคร่ำครวญอาลัยรักต้นไม้ในบ้านขุนช้าง อันแสดงให้เห็นว่านางไม่ต้องการติดตามขุนแผนไปแต่ก็ต้องไปเพราะขุนแผนร่ายมนตร์สะกด
เมื่อเห็นว่านางมัวร่ำไรลาต้นไม้ สิ่งของอยู่นั่นเอง
จากเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนพานางวันทองหนี
ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว ทั้งเกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี
จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ
(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
สุนทรภู่คร่ำครวญถึงรัชกาลที่
1 ซึ่งสวรรคตแล้ว เป็นเหตุให้สุนทรภู่ต้องตกระกำลำบาก
เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของรัชกาลที่ 3 ต้องระเห็จเตร็ดเตร่ไปอาศัยในที่ต่างๆ
ขณะล่องเรือผ่านพระราชวัง สุนทรภู่ซึ่งระลึกถึงความหลังก็คร่ำครวญ
อาลัยถึงอดีตที่เคยรุ่งเรือง จากนิราศภูเขาทอง
เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์
(พระสุนทรโวหาร
(ภู่))
กาพย์นางลอย
ตอนหนึ่งในบทพากย์รามเกียรติ์ แสดงคำรำพันอาลัยอาวรณืของพระรามที่มีต่อนางสีดา
(นางเบญกายปลอมตัว แกล้งทำเป็นตายลอยน้ำมา)
พระโกศทองจะรองรับ สำหรับราชเทวี
เชิญศพขึ้นสู่สี- วิกาแก้วอันเรืองรอง
เข้าสู่พระเมรุมาศ อันโอภาสด้วยเทียนทอง
แสงเพลิงจะเริงรอง ไปต้องสีวิสูตรพลาย
อัจกลับจงกลกลีบ
ประทีปทองจะส่องฉาย
พู่ห้อยเพดารราย ระรวยรื่นรำเพยลม
พระวิสูตรจะวงวัง บัลลังก์ทิพบรรทม
รูปภาพจะเคียมคม กินนรฟ้อนอยู่ผาดผัน
อีกพระญาติวงศา ก็จะมาประชุมกัน
แสนสาวพระกำนัล จะนอบน้อมประนมกร
ยามค่ำจะร่ำไห้ วิเวกใจให้อาวรณ์
เสียงสังข์และแตรงอน จะประโคมอยู่ครืนเครง
(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
|