การติดต่อและไม่ติดต่อ

 

Homeผู้จัดทำโรคเอดส์คืออะไร

nm_samoy@hotmail.com

การติดต่อและไม่ติดต่อ

 

1.     โรคเอดส์ติดต่อกันได้ทางใด

        การติดเชื้อเอดส์โดยหลักใหญ่ๆ มีเพียง  2  ทาง  นั้นคือ

        1.ทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งอาจเป็นการรักร่วมเพศหรือรักต่างเพศ

        2.ทางเลือด  เช่น  การใช้เข็มฉีดยา  กระบอกฉีดยาที่ไม่สะอาดร่วมกัน การมีบาดแผลแล้วไปสัมผัสกับเลือดหรือน้ำเหลืองของคนไข้ที่มีเชื้อเอดส์อยู่   เช่น   การใช้ของมีคม มีดโกน เข็มสักผิวหนัง  เข็มเจาะหูร่วมกัน  เป็นต้น  และมารดาที่มีเชื้อเอดส์ก็สามารถถ่ายทอดเชื้อเอดส์ไปสู่ทารกในครรภ์ได้

2.     โรคเอดส์ติดต่อโดยวิธีใดได้บ้าง

        นอกจากจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์และทางเลือดแล้ว ยังสามารถติดต่อทางอื่นได้อีก  แต่ต้องมีปัจจัยทางอื่นประกอบด้วย  เช่น

-         ร้านเสริมสวยและการศัลยกรรมตกแต่งซึ่งกระทำโดยที่มิได้ทำความสะอาดเครื่องมือก่อนนำไปใช้ ต่อ  เช่น  มีดโกน  กรรไกรตัดเล็บ  การเจาะหู  การสักยันต์  การเสริมจมูก  ฯลฯ

-       การผ่าตัดเปลี่ยนเนื้อเยื่อและอวัยวะ  เช่น  การผ่าตัดเปลี่ยนไต  ปลูกถ่ายไขกระดูก  ฯลฯ  โดยมิได้ตรวจหาเชื้อเอดส์เสียก่อน

-       การผสมเทียมที่ใช้อาสุจิจากผู้มาบริจาคโดยมิได้ตรวจหาเชื้อเอดส์เสียก่อน

-       การชกต่อยแล้วมีเลือดออก  โดยที่เลือดของผู้มีเชื้อเอดส์ไปถูกกับบาดแผล  หรือเยื่อบุนัยน์ตาของฝ่ายตรงข้าม

-       การเลี้ยงนมบุตรด้วยน้ำนมของผู้อื่น  หรือมารดาที่มีเชื้อเอดส์

วิธีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น  ความจริงแล้วก็คือติดต่อโดยการสัมผัสกับน้ำอสุจิ  เลือด  น้ำเหลือง  และน้ำนมของผู้ติดเชื้อเอดส์   โดยตรงนั้นเอง    และจะต้องมีบาดแผล  และปริมาณเลือด  หรือน้ำเหลืองที่เข้าในร่างกายมากพอสมควรจึงมีโอกาสติดได้

3.     เชื้อเอดส์  เมื่ออยู่ในและนอกร่างกายคนเราแล้ว  จะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไร     

         เชื้อเอดส์เมื่อเข้าสู่ร่างกายคนจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปจนผู้นั้นเสียชีวิต  แต่เมื่อเชื้อเอดส์ออกมานอกร่างกายถึงแม้จะไม่ถูกกำจัดด้วยยาฆ่าเชื้อใด ๆ  ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน   โดยเชื้อเอดส์จะค่อยๆ ตายไปจนหมดในไม่กี่ชั่วโมง  หรือเป็นวันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมภายนอก หากถูกกับความร้อน  ความแห้ง  ความเป็นกรด เป็นด่าง  แสงแดด  เชื้อก็จะตายเร็วขึ้น  แต่ถ้าอยู่ในอุณหภูมิ  และความชื้นพอเหมาะเช่น  อยู่ในห้องแอร์เปิดติดต่อกันตลอดเวลา   เชื้อก็อาจจะอยู่ได้เป็นวัน  แต่ต้องอยู่ในสภาพที่ยังเป็นของเหลว  เช่น  อยู่ในเลือดหรือในน้ำอสุจิ  แต่ถ้าแห้งแล้วเชื้อก็จะตายไป

4.     ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อเอดส์มีอะไรบ้าง

        ปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อได้แก่

-       ปริมาณไวรัส (virus  titre)    ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สัมผัสว่ามีปริมาณไวรัสมากหรือน้อย  ปริมาณไวรัสจะมีมากที่สุดในเลือดรองลงมาได้แก่ น้ำอสุจิ น้ำจากช่องคลอด  ส่วนในน้ำลาย  น้ำตา น้ำนมและปัสสาวะ จะมีปริมาณน้อยมาก   ดังนั้นถ้าไปสัมผัสเลือด  น้ำอสุจิ   และน้ำจากช่องคลอด  จะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าไปสัมผัสกับของเหลวอื่นๆ

-       การมีบาดแผล(TRAUMA)บริเวณที่มีแผลหรือรอยแตก   หรือเยื่อบุในปากในตา  เยื่อบุในช่องคลอด  อาจมีแผลที่มองไม่เห็น  ต้องระวังอย่าให้เชื้อเอดส์เข้าตา  ปาก  หรือสัมผัสช่องคลอด

-       การติดเชื้ออื่นๆ(secondary  infection)  ได้แก่  การเป็นกามโรคชนิดที่เป็นแผล  จะทำให้เชื้อเอดส์เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย  ทำให้มีโอกาสติดได้มากขึ้น

-       พื้นผิวที่สัมผัสกับเชื้อ(epithelial  receptors) หมายถึงว่าเซลล์ที่ไปสัมผัสกับเชื้อจะต้องมีพื้นผิว(receptors)ที่สามารถรับเชื้อเข้าสู่เซลล์นั้นได้  เช่น  เซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งมีพื้นผิวมากก็จะมีโอกาสติดมาก

-       ความบ่อยหรือถี่ของการสัมผัส(intensity  of  exposure)  เช่น  การมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้ติดเชื้อเอดส์

-       ระยะที่เข้าไปสัมผัสเชื้อ(phase  of  infection)  หมายถึงระยะเวลาที่ไปสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อเอดส์  ขณะที่ร่างกายเจ็บป่วยอ่อนแอจากโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ  เช่น  เป็นไข้หวัดอยู่จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง

5.     พฤติกรรมอย่างไรที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์

   ทุกคนย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะติดเชื้อเอดส์หากไม่รู้จักระวังป้องกัน    แต่บางคนมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าผู้อื่น  คนเหล่านี้ได้แก่

-       ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน  เพราะไม่สามารถทราบได้ว่าคู่นอนคนใดมีเชื้อเอดส์หรือไม่

-       ผู้ที่ติดเชื้อกามโรค  และยังมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่นอนหลายคน  ทำให้เชื้อเอดส์เข้าทางบาดแผลจากกามโรคได้ง่ายกว่าปกติ

-       ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยา กระบอกฉีดยาที่ไม่สะอาดร่วมกับผู้อื่น  จะติดเชื้อได้ถ้าเข็มหรือกระบอกฉีดยาเปื้อนเชื้อเอดส์มาก่อน

6.     การมีเพศสัมพันธ์กับกับผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วยมือ  และสัมผัสน้ำคัดหลั่ง  จะมีโอกาสติดเชื้อเอดส์หรือไม่

        การมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้มือ  และสัมผัสน้ำคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อนั้นถ้ามือไม่มีบาดแผลอยู่ก็จะไม่มีอันตรายใดๆ แต่ถ้ามือมีบาดแผลแล้วไปสัมผัสกับน้ำคัดหลั่ง เช่น  น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด  หรือเลือดของผู้ติดเชื้อเอดส์ก็มีโอกาสติดได้

7.     โรคเอดส์  หรือเชื้อเอดส์ไม่ติดต่อทางใดบ้าง  

นอกจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์และทางเลือดแล้วโรคเอดส์  ไม่ ติดต่อโดยทางอื่นๆ  เช่น  การใช้โทรศัพท์ร่วมกัน  การใช้ห้องน้ำร่วมกัน การใช้สระว่ายน้ำเดียวกัน การสัมผัสกันตามปกติ  และไม่แพร่เชื้อโดยยุงหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

8.      การร่วมเพศทางทวารหนักจะมีโอกาสติดเชื้อเอดส์มากกว่าการร่วมเพศทางช่องคลอดมากน้อย เพียงใด      

        โอกาสของการติดเชื้อจากการร่วมเพศทางทวารหนักและช่องคลอดนั้นปัจจุบันพบว่าการร่วมเพศทั้งสองอย่างมีโอกาสติดเชื้อเอดส์ได้พอๆกัน   เพราะฉะนั้นถ้าหากจะมีกิจกรรมทางเพศควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง  ไม่ว่ากับชายหรือหญิงก็ตาม

9.     ถ้าคุณไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง  จะไม่มีโอกาสติดเชื้อเอดส์ใช่หรือไม่

        ไม่ใช่  ถึงแม้ว่าท่านจะไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงก็ไม่อาจจะเป็นหลักประกนได้ว่าจะไม่ติดเชื้อเอดส์  ฉะนั้น  เราควรจะป้องกันตนเองไว้ก่อน   โดยการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์  และช่วยเผยแพร่ความรู้ให้คนรอบข้างรู้วิธีหลีกเลี่ยงการติดเชื้อเอดส์ด้วย

10.    อัตราการเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ในแต่ละกลุ่ม  หรือสังคมแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร

        นอกจากพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว  อัตราเสี่ยง  จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสังคมถ้าเป็นบุคคลที่อยู่ในสังคมที่มีโรคชุกชุม  เช่น  ในสหรัฐอเมริกา  บราซิล  ยูกันดา   ฝรั่งเศส  เป็นต้น  บุคคลที่อยู่ในสังคมนั้นก็จะมีอัตราการเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าสังคมที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์น้อย

 


 คุณเข้าเยี่ยมชมอันดับที่

ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545
thaigoodview.com Version 17.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com

Copyright(c) 2001 Miss Kanyarat ouchai. All rights reserved.