การรักษา

 

Homeผู้จัดทำโรคเอดส์คืออะไร

nm_samoy@hotmail.com

การรักษา

 

1.    การเอาเลือดของผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ออกมาไหลเวียนผ่านเครื่องความร้อนแล้วกลับคืนเข้าร่างกายเป็นวิธีรักษาได้หรือไม่

         เคยมีรายงานว่ามีคนติดเชื้อเอดส์   1  ราย  ที่ได้รับการทดลองรักษาโดยนำเลือดออกมาไหลเวียนผ่านเครื่องให้ร้อนประมาณ  56  องศาเซลเซียส  และต่อมาตรวจไม่พบเชื้อเอดส์ในเลือดของคนนั้นอีกเลย  แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์  ลองใช้วิธีกับคนอื่นกลับไม่ได้ผล  และยังไม่แน่ใจว่าคนแรกนั้นจะมีเชื้อหลงเหลืออยู่ในอวัยวะอื่นใดหรือไม่

        นักวิทยาศาสตร์จึงยังไม่ยอมรับวิธีนี้เป็นวิธีการรักษาโรคเอดส์

2.     ยาที่ใช้รักษาโรคเอดส์มีอะไรบ้าง

        ยาที่มีการทดลองใช้กันค่อนข้างมากอยู่ในขณะนี้โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาคือ Zidovudine (AZT) ,2,3 Dideoxycytidine, Suramin, Atimony  tungstate (HPA-23), Foscanet, Rifabutin, CS-85, CS-87, HIPA, HPG-30, SIllcotungstate, Peptide-T, Dextran Sulphate , AL721, Castanospermine, interferon, Ampligen, ABPP, Avaro, Ribavirin, interlukin-2, GM-CSF, Methionine, Enkephalin, Thymopentin, Imreg-1, Imreg-2, Imuthiol, Carrysyn, Videx(ddI) เป็นต้น

        ยาเหล่านี้ส่วนใหญ่มีฤทธิ์สามารถยับยั้งไวรัสได้ในหลอดทดลอง  แต่หลายชนิดเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้ว  ไม่ได้ผล  บางชนิดมีพิษหรือผลข้างเคียงมากจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์  บางชนิดต้องให้โดยการฉีดเท่านั้น  และหลายชนิดยังเป็นยาทดลอง   ไม่สามารถหาซื้อตามท้องตลาดได้  ส่วนใหญ่ที่พอมีขายตามท้องตลาด (เมืองนอก) เป็นยาที่มีราคาแพงมากทั้งสิ้น  แต่ก็ไม่มียาใดรักษาโรคให้หายขาดได้  ยาที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายขณะนี้คือAZT และที่กำลังทดลองได้ผลดีเช่นเดียวกัน และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า AZT ก็คือ VIDEX (ddI)

3.     ในอนาคตจะมียาที่สามารถรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้หรือไม่

        มีโอกาสเป็นไปได้  เพราะมนุษย์มีการพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการและเทคโนโลยีที่สูง  โรคเอดส์ถึงแม้จะเป็นไวรัสที่มีการพัฒนาสูงสุดของบรรดาไวรัสทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก  แต่ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของมนุษย์อย่างแน่นอน

4.     สมุนไพรสามารถรักษาโรคเอดส์ได้หรือไม่

        การทดลองใช้สมุนไพรในการรักษาโรคเอดส์ได้เกิดข้นในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย  แต่เนื่องจากยังไม่ได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถทำการรักษาได้จึงควรจะรอผลการวิจัยเรื่องสมุนไพรจากนักวิทยาศาสตร์ก่อน ไม่ควรเสี่ยงเป็นเครื่องทดลอง  เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตราย  และเสียทรัพย์ให้แก่คนที่หลอกลวงได้

5.     มะเร็งที่เป็นในผู้ป่วยโรคเอดส์มีทางรักษาได้หรือไม่

        มะเร็งที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคเอดส์คือ  มะเร็งของหลอดเลือดที่ผิวหนัง  และมะเร็งของต่อมน้ำเหลือง  เป็นมะเร็งที่สามารถรักษาได้  ถึงแม้การรักษาจะค่อนข้างยาก    หรือผลการรักษาจะไม่ค่อยดี แต่ก็สามารถทำให้มะเร็งไม่ลุกลามหรือไม่แพร่กระจายต่อไปได้ ทำให้ผู้ป่วยไม่เสียชีวิตจากมะเร็งนั้นๆและมีอายุยืดยาวต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง

6.     โรคติดเชื้อแทรกซ้อนหรือโรคติดเชื้อฉวยโอกาสมีทางรักษาหรือไม่

        การรักษาโรคแทรกซ้อนอื่นๆสามารถรักษาได้ เพียงแต่รักษายากกว่าในคนปกติและส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะกลับติดโรคอื่นๆซ้ำอีก

7.     คนที่ติดเชื้อเอดส์เป็นคนที่สิ้นหวังแล้ว  ใช่หรือไม่

        ไม่ใช่  เพราะ

-     หากดูแลรักษาสุขภาพตนเองให้ดี  ระยะฟักตัวของโรคเอดส์โดนเฉลี่ยประมาณ  7-8  ปี  และอาจจะไม่ปรากฏอาการในบางรายได้นานกว่า  10  ปี  

-     การพัฒนายารักษาโรคเอดส์อยู่ระหว่างการดำเนินการของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก จึงมีโอกาสที่จะค้นพบยารักษาได้ในอนาคต

8.     เลิกยาเสพติดแล้วเชื้อเอดส์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง

        ถ้าเลิกยาเสพติดได้สุขภาพจะทรุดโทรมช้าลงเชื้อเอดส์จะไม่เพิ่มเร็วขึ้นเหมือนกับการใช้ยา   เสพติดต่อไป  และจะไม่กลายเป็นโรคเอดส์ระยะสุดท้ายเร็วนัก

9.     ถ้าถ่ายเลือดในตัวออกหมดแล้วเปลี่ยนเลือดใหม่หมดจะหายจากโรคเอดส์หรือไม่

        ไม่หายขาด  เพราะเชื้อเอดส์ยังมีอยู่ในเซลล์ของร่างกายได้อีกหลายแห่ง  เช่น  เซลล์ของสมอง  เซลล์ของลำไส้  น้ำอสุจิ  จึงยังจะมีเชื้อเหลืออยู่  

        นอกจากนี้การเปลี่ยนเลือดทั้งตัวต้องใช้เลือดจำนวนมากจากคนอื่น ๆ อีกหลายคนซึ่งอาจมีอันตรายจากการถ่ายเลือดได้

10.    ถ้าสามีภรรยาติดเชื้อเอดส์จากการเสพยาเสพติดโดยใช้เข็มร่วมกันและยังเสพยาด้วยกัน  จะทำให้เชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นหรือไม่

        จะทำให้เชื้อเอดส์เพิ่มเร็วขึ้น  เพราะร่างกายทรุดโทรมอ่อนแอลง จากการเสพยาประกอบกับผู้ติดเชื้อเอดส์  เชื้อในร่างกายจะเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว หากยังคงใช้ยาเสพติดอยู่ก็จะทำให้เกิดอาการของโรคเอดส์เร็วขึ้น   และสามีคู่นี้ควรจะใช้ถุงยางอนามัย   ในการร่วมเพศเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้รับเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นและป้องกันการตั้งครรภ์เพราะเชื้อเอดส์จากมารดาอาจถ่ายทอดไปยังทารกใน    ครรภ์ได้

11.    ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์  ควรจะปฏิบัติตนอย่างไร

        ดูแลสุขภาพให้ดี  โดย

-       ทำจิตใจให้แจ่มใส

-       รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

-       ไม่รับเชื้อเอดส์เพิ่ม

-       ออกกำลังกาย  และพักผ่อนให้เพียงพอ

-       ลดหรือเลิกการสูบบุหรี่  และสุรา  เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนแอยิ่งขึ้น

การป้องกันตนไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

-       ต้องแยกเครื่องใช้ส่วนตัวบางชนิด  เช่นแปรงสีฟัน  มีดโกน

-       ลดคู่นอนให้น้อยลง  และเลิกการมีพฤติกรรมเสี่ยง

-       ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

-       ไม่ใช้เข็มฉีดยาและกระบอกฉีดยาที่ไม่สะอาดร่วมกับผู้อื่น

-       ไม่ให้เลือด  น้ำหนอง  น้ำเหลือง  น้ำคัดหลั่งของร่างกาย  เปรอะเปื้อนจามที่ต่าง ๆ

-       งดบริจาคเลือด  อวัยวะของตนแก่ผู้อื่น

-       ไม่ควรตั้งครรภ์  หรือให้นมบุตรถ้ามีทางเลือกอื่น

หากมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน  และแจ้งให้แพทย์ทราบถึงภาวะการติดเชื้อเอดส์ของตน


 คุณเข้าเยี่ยมชมอันดับที่

ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545
thaigoodview.com Version 17.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com

Copyright(c) 2001 Miss Kanyarat ouchai. All rights reserved.