การป้องกัน

 

Homeผู้จัดทำโรคเอดส์คืออะไร

nm_samoy@hotmail.com

การป้องกัน

 

1.     ถ้าทราบว่ามีเชื้อเอดส์ในร่างกาย  แต่ยังมีความต้องการทางเพศ   และไม่ต้องการให้ไปติดผู้อื่นจะทำอย่างไร

        ผู้ติดเชื้อในระยะแรกยังไม่มีอาการ     สุขภาพจะเหมือนคนปกติทั่วไปจึงยังมีความต้องการทางเพศอยู่ถ้าไม่ต้องการให้ไปติดผู้อื่น  ควรหาทางออกด้วยการกระทำต่อไปนี้คือ

-       หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ    เพื่อลดความต้องการทางเพศลงและยังทำให้ร่างกายแข็งแรง ด้วย

-       อาจต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองด้วยมือ  หรือเครื่องมือต่างๆ  ที่ทำความสะอาดดีแล้ว

-       หากจะร่วมเพศให้ใช้ถุงยางอนามัย  และปฏิบัติการทางเพศอย่างปลอดภัยที่เรียกว่า   “Safe sex”

2.     ภรรยาจะแนะนำอย่างไร  เมื่อสามีไปเที่ยวหญิงบริการ

        เรื่องนี้ทางภรรยา  และสามีควรคุยกันให้เข้าใจ  เพราะการเที่ยวผู้หญิงของสามีนี้  ควรจะดูปัญหาในครอบครัวให้รอบคอบว่า  เพราะเหตุใดสามีจึงชอบเที่ยว   เช่น   ปัญหาที่พบกันบ่อย ๆ  คือ

-       สามีมีนิสัยไม่ค่อยจะรับผิดชอบ  ชอบเที่ยวกลางคืน  ชอบลองของใหม่

-       ภรรยาชอบทำตัวน่าเบื่อหน่าย  จู้จี้ขี้บ่น  เวลาจะหลับนอนร่วมกันก็สร้างปัญหาทำให้สามีเบื่อหน่าย  เป็นต้น

-       สามีที่ชอบเที่ยวเตร่    สังสรรค์บ่อยๆในหมู่เพื่อนผู้ชาย  ซึ่งสุดท้ายก็จะพากันไปเที่ยวผู้หญิงเพราะฤทธิ์ของสุรา

ซึ่งปัญหาทั้งหมดนี้  ภรรยาสามารถคุยกับสามีได้  โดยการพูดคุยกันว่าการเที่ยวควรจะป้องกันตัวอย่านำเชื้อโรคมาติดลูกติดเมีย  และทางที่ดีที่สุดสามีไม่ควรจะเที่ยวเลย

3.     ภรรยาจะป้องกันตนเองได้อย่างไร  เมื่อสามีมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์

        ควรพูดกับสามีโดยตรง  เพื่อให้สามีใช้ถุงยางอนามัย  หรือในปัจจุบันมีถุงยางสำหรับสตรี   เริ่มที่จะออกวางขายแล้ว

4.     สามีควรพูดถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยกับภรรยาหรือไม่

        ควรอย่างยิ่ง   หากตัวสามียอมรับกับตนเองว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเอดส์    เพราะอาจ เป็นสาเหตุของการนำเชื้อเอดส์มาติดภรรยาได้

5.     การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองมีโอกาสติดเชื้อเอดส์หรือไม่

        ไม่มีโอกาสติดเชื้อเอดส์  เพราะการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง  ไม่ได้สัมผัสกันน้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอดของผู้ติดเชื้อ

6.     ถ้ายังติดยาเสพติดอยู่  และต้องใช้เข็มฉีดยาร่วมกันจะต้องทำอย่างไรบ้าง

        ควรล้างทำความสะอาดเข็มและกระบอกฉีดยาด้วยน้ำยาคลอร็อกซ์  หรือน้ำยาไฮเตอร์

หลายๆครั้ง  แต่วิธีนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ป้องกันการติดเอดส์ได้  100% แต่สามารถลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ได้

7.     ถ้าจะนำผู้ติดเชื้อเอดส์มากักกัน  เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดไปสู่บุคคลอื่นเป็นการสมควร  หรือไม่

        ไม่ควรอย่างยิ่ง  เพราะการที่จะให้ผู้อื่นติดเชื้อเอดส์จำนวนมากมายมารับการกักกัน  เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน  และจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมขึ้นได้

        ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์บางรายไม่ได้ติดจากพฤติกรรมของเขาเองเช่นมารกที่เกิดมาจากมารดาที่ติดเชื้อเอดส์  และนอกจากนี้เราไม่สามารถบอกได้ว่าใครติดเชื้อเอดส์  เพราะผู้ติดเชื้อระยะแรกจะไม่มีอาการและแข็งแรงเป็นปกติ วิธีป้องกันการแพร่ระบาดที่ดีคือ ให้ความรู้และแนวทางในการปฏิบัติตนที่จะไม่ให้ติดเชื้อเอดส์  หรือแพร่ไปสู่ผู้อื่น

8.     มีน้ำยาอะไรที่ใช้ทำลายเชื้อเอดส์ได้

        น้ำยาที่สามารถทำลายเชื้อเอดส์ได้มีดังต่อไปนี้  คือ

-       โซดียม  ไฮโปคลอไรด์  0.1 - 0.5 %  แช่นาน  15-30  นาที

-       แอลกอฮอล์  25-95?  แช่นาน  15-30  นาที

-       ไอโซโปรบิล  35-70?   แช่นาน  15-30  นาที

-       ทิงเจอร์ไอโอดีน  แช่นาน  15-30  นาที

-       ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์  3-6?  แช่นาน  15-30  นาที

-       ฟอร์มาลีน  2-4?  แช่นาน  15-30  นาที

-       กลูตาอัลดีไฮด์  แช่นาน  15-30  นาที

-       ไดโซล  0.5-3?  แช่นาน  15-30  นาที

-       ฟีนอล  5?  แช่นาน  15-30นาที

-       โซเดียมไฮดรอกไซด์  30  mmol  แช่นาน  15-30  นาที

-       โนนิเนท  พี  40  0.5-1?   แช่นาน  15-30  นาที

นอกจากนี้ความร้อนมากกว่า  55  องศาเซลเซียส นาน  10-20  นาที ก็สามารถทำลายเชื้อได้

9.     สบู่ใช้ทำลายเชื้อเอดส์ได้หรือไม่

        แม้สบู่จะไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อโดยตรง  แต่ก็ช่วยชำระล้างและลดปริมาณเชื้อลงได้มากกว่า  80? หากทำความสะอาดอย่างดีทำให้ลดโอกาสติดเชื้อเอดส์ลงได้

 

10.    จะมีทางยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ได้หรือไม่

        ได้  โดยการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์ที่ถูกต้อง  พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ  เช่น  การไม่ใช้เมฉีดยาร่วมกัน  การไม่เที่ยวหญิงบริการ  เลิกการสำส่อนทางเพศ  ในขณะเดียวกันการใช้ถุงยางอนามัย ก็จะเป็นหนทางเดียวที่จะชะลอการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ได้  และในกรณีที่ติดเชื้อแล้วควรจะระมัดระวังไม่รับเชื้อเพิ่มมาอีก  พยายามรักษาสุขภาพให้ดีให้แข็งแรงอยู่เสมอ  และไม่แพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น

ถึงแม้จะไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเอดส์  แต่เราก็มีความรู่พอที่จะป้องกันมันได้

11.    ถุงยางอนามัยบางชนิดมีน้ำยาฆ่าเชื้อเอดส์อยู่ด้วยใช่หรือไม่

        ใช่  ถุงยางบางชนิดมี  Nonoxynol-9 หรือ Nonoxynol-11 ซึ่งสามารถฆ่าเชื้ออสุจิได้ และช่วยฆ่าเชื้อเอดส์ได้บ้าง ทำให้โอกาสติดเชื้อเอดส์มีน้อยลง

12.    ถุงยางอนามัยดีอย่างไร

-       ถุงยางอนามัยถ้าใช้อย่างถูกวิธี  สามารถช่วยในการคุมกำเนิด   โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาเม็ดคุมกำเนิด

-       ถุงยางอนามัยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนวิธีการอื่น

-       ถุงยางอนามัยใช้เฉพาะเวลาที่ต้องการเท่านั้น

-       ถุงยางอนามัยไม่ทำให้หญิงบริการต้องเสี่ยงและต้องคอยระมัดระวังตัว

-       ถุงยางอนามัยซื้อหาได้ง่าย  ใช้ง่าย  ไม่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

-       ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการแพร่กระจายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งโรคเอดส์

-       ถุงยางอนามัยช่วยให้ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิช้าลงบ้าง  จนพอดีกับความรู้สึกสุดยอดของฝ่าย  หญิง  จึงมีการนำมาใช้ในการรักษาภาวะที่เกิดการหลั่งน้ำอสุจิเร็วของผู้ชาย

-       ถุงยางอนามัยสามารถตรวจเช็คได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ว่าฉีกขาดหรือไม่และสามารถมั่น  ใจได้ถ้าใช้อย่างถูกวิธี

13.    การใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกต้องควรจะปฏิบัติอย่างไร

        ข้อแนะนำเกี่ยวกับถุงยางอนามัย

-       ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

-       เลือดซื้อถุงยางที่มีคุณภาพโดยดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุ   (ถ้าไม่มีวันหมดอายุ  ให้นับจากวันที่ผลิตไป  3  ปี  ถ้ายังไม่เกิน  3  ปี  แสดงว่ายังใช้ได้)

-       เลือกใช้ขนาดของถุงยางอนามัยให้เหมาะกับขนาดของตนเอง  ถ้าเล็กไปมักจะฉีกขาดง่าย   ถ้าใหญ่เกินมักจะหลุดง่าย

-       จงสวมถุงยางก่อนที่จะมีกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์

-       บีบไล่ลมออกจากส่วนปลายถุงยางตรงที่เป็นกระเปาะก่อนจะสวมเสมอ เพื่อไม่ให้ลมที่ค้างอยู่เป็นตัวทำให้ถุงยางแตก

-       อย่าดึงถุงยางขึ้นมาจนสุด   ให้เหลือส่วนปลายตรงที่เป็นกระเปาะไว ้สำหรับรองรับน้ำอสุจิ  ิเสมอ

-       ให้คลี่ถุงยางออกจนคลุมถึงส่วนโคนของอวัยวะเพศด้วย

-       ถ้าถุงยางแตกระหว่างมีเพศสัมพันธ์อยู่  ให้นำออกมาเปลี่ยนและสวมอันใหม่ทันที

-       เมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิแล้ว  ให้ถอดถุงยางออกในระหว่างที่อวัยวะเพศยังแงอยู่ห้ามแช่อวัยวะเพศไว้ในช่องคลอด

-       การถอดถุงยางให้ใช้กระดาษชำระพันรอบขอบถุงยางให้กระชับอวัยวะเพศไว้ก่อน  แล้วถอดถุงยางออก  อย่าให้เปื้อนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย

-       เมื่อจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งใหม่ให้เปลี่ยนถุงยางอนามัยทุกครั้งเสมอ

-       ถ้าจะใช้สารหล่อลื่น  ควรใช้สารหล่อลื่นเช่น ky หรือ  xy เยลลี่ห้ามใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำมันอยู่ด้วย  เช่น  ครีมแต่งผม  หรือน้ำมันอื่นๆ  เพราะจะทำให้รั่วและขาดง่าย ห้ามใช้น้ำลายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นตัวหล่อลื่นเพราะอาจมีเชื้ออยู่

-       ถุงยางที่ยังไม่ได้ใช้  ถ้าเป็นไปได้ให้เก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง  เพื่อให้มีอายุใช้นาน  ถ้าถุงยางมีลักษณะเหนียวเหนอะหรือสงสัยว่าจะแตก  ไม่ควรนำมาใช้


 คุณเข้าเยี่ยมชมอันดับที่

ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545
thaigoodview.com Version 17.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com

Copyright(c) 2001 Miss Kanyarat ouchai. All rights reserved.