โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์

 

Homeผู้จัดทำโรคเอดส์คืออะไร

nm_samoy@hotmail.com

โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์

 

1.     หญิงที่ติดเชื้อเอดส์  ควรปล่อยให้ตั้งครรภ์หรืไม่

        ไม่ควร  เพราะการตั้งครรภ์อาจกระตุ้นให้หญิงที่ติดเชื้อนั้นมีอาการป่วยของโรคเอดส์เร็วขึ้น  นอกจากนี้หากทารกคลอกออกมาก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากแม่ได้

2.     อัตราเสี่ยงของทารกที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อเอดส์มีมากน้อยเพียงใด

        หญิงที่มีเชื้อเอดส์อยู่ในร่างกายสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้ประมาณ20-40?   ของทารกที่เกิดมา และทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการเป็นโรคเอดส์ และตายในเวลาประมาณ 2-5ปี

 

 

1.     ผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วจะมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้หรือไม่

        ได้  แต่เนื่องจากเชื้อเอดส์ออกมากับน้ำหลั่งจากอวัยวะเพศ  เช่น  น้ำจากช่องคลอด  น้ำอสุจิ   จึงทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อเอดส์ไปยังคู่นอนได้  ผู้ที่ติดเชื้อควรทราบความจริง มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และแนวทางการปฏิบัติตัวที่จะไม่ให้เชื้อเอดส์แพร่ไปสู่ผู้อื่นได้เช่น   ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศโดยแน่ใจว่าถุงยางนั้นไม่ชำรุด  และปฏิบัติตามหลักการ “การมีเพศสัมพันธ์อย่าง  ปลอดภัย” เป็นต้น

2.     การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย  (Safe Sex) ต้องทำอย่างไรบ้าง

       การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คือการร่วมเพศกับเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันจนสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเอดส์ ซึ่งจะปฏิบัติดังนี้คือ

-       พยายามเล้าโลมด้วยการกอดจูบลูบคลำตามร่างกาย

-       จูบตามร่างกายได้  รวมทั้งจูบตามริมฝีปากได้  แต่ห้ามจูบอย่างดูดดื่มระวังอย่าให้น้ำลายเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้ามในปริมาณที่มากพอ  รวมทั้งห้ามใช้ลิ้นสอดเข้าไปด้วย

-       ห้ามสอดอวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอด  ทวารหนัก  หรือปากของฝ่ายตรงข้าม

-       พยายามใช้ส่วนของร่างกาย  (ซึ่งไม่มีแผล)  ที่เป็นร่องเช่นร่องขา ร่องแขน ร่องหน้าอก  เป็นที่ถูไถของอวัยวะเพศแทน

-       พยายามใช้มือช่วยในการสำเร็จความใคร่ของฝ่ายตรงข้าม

-       ห้ามกลืน  หรือระวังอย่าให้น้ำอสุจิหรือน้ำจากช่องคลอดเข้าปาก  เข้าตาเป็นอันขาด

-       อาจใช้เครื่องมือร่วมเพศ  เช่นท่อนยาง  เครื่องนวด  ช่วยในการสำเร็จความใคร่แทนอวัยวะจริง

-       ห้ามกัดหรือทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดบาดแผล  ขณะร่วมเพศ

3.     การร่วมเพศทางปากกับผู้ที่มีเชื้อเอดส์จะมีโอกาสติดเชื้อหรือไม่

        การร่วมเพศทางปากไม่ว่าจะเป็นการอม  ดูด  หรือเลียอวัยวะเพศฝ่ายตรงข้าม  หากมีน้ำจากช่องคลอด น้ำอสุจิ  หรือเลือด เข้าไปในปากจะมีโอกาสติดเชื้อเอดส์ได้  เพราะเชื้ออาจแทรกตัวผ่านเยื่อบุในปากเข้าไป  หรือบางครั้งอาจมีบาดแผลเล็กๆ ขึ้นในปากโดยไม่รู้ตัว

4.     ชายที่มีเชื้อเอดส์ร่วมเพศโดยไม่มีการหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอด  ฝ่ายหญิงจะติดเชื้อหรือไม่

        โดยปกติแล้วทั้งหญิงและชายเมื่อมีอารมณ์ทางเพศก็จะมีการหลั่งน้ำหล่อลื่นของทั้งสองฝ่ายออกมา  เพื่อให้ลดความเจ็บปวดจากการเสียดสี  ดังนั้นเมื่อชายหญิง มีเพศสัมพันธ์กันถึงแม้ว่าฝ่ายชายจะไม่หลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอดก็ตาม       แต่เมื่อมีน้ำหล่อลื่นหลั่งออกมาแล้วก็สามารถถ่ายทอดเชื้อเอดส์ได้

5.     การจูบปากกันมีโอกาสติดเชื้อเอดส์หรือไม่

        การจูบปากกันตามธรรมดาทั่วไปโอกาสที่เชื้อผ่านเข้าเยื่อบุปากของอีกฝ่ายหนึ่งเกือบไม่มีเลย  แต่ควรระวังการจูบปากอย่างดูดดื่มรุนแรงกับคนที่เราไม่แน่ใจว่ามีเชื้อเอดส์หรือไม่ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่าการจูบปากแบบธรรมดาจะทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้

6.     หลังการร่วมเพศ  หากทำความสะอาดทันที  จะมีโอกาสติดเชื้อเอดส์หรือไม่

        มีโอกาสติดเชื้อเอดส์ได้  เพราะการติดเชื้อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นได้โดยสัมผัสกับเชื้อในน้ำอสุจิ หรือน้ำในช่องคลอดของผู้ที่มีเชื้ออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเชื้อเอดส์จะเข้าไปในกระแสเลือดโดยผ่านเข้าไปทางเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มหรือแผลเล็กๆ ในทวารหนัก อวัยวะเพศหญิง อวัยวะเพศชาย  หรือปาก

7.     ผู้ที่เป็นกามโรคมีโอกาสสูงต่อการติดเชื้อเอดส์หรือไม่

        มีโอกาสมาก  เพราะทั้งกามโรคและโรคเอดส์นั้นติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์เหมือนกัน     โดยเฉพาะเป็นกามโรคที่มีแผลที่อวัยวะเพศด้วย  เช่น  แผลริมอ่อน  แผลริมแข็ง  โรคเริมยิ่งมีโอกาสที่จะติดเอดส์ได้มากกว่าธรรมดา  จึงควรหลีกเลี่ยงการสำส่อนทางเพศ หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง

 


 คุณเข้าเยี่ยมชมอันดับที่

ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545
thaigoodview.com Version 17.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com

Copyright(c) 2001 Miss Kanyarat ouchai. All rights reserved.