กัณฑ์ที่ 4 วันประเวศน์ มี 57
พระคาถา
พระเวสสันดร พร้อมด้วยพระนางมัทรี และพระโอรสเสด็จดำเนินจาก พระนครสีพีด้วยความลำบากตลอดทาง ที่สุดก็ถึงเมืองเจตราชดังประสงค์ จึงแวะเข้าประทับพักพระกายอยู่ที่ศาลาหน้านคร
ครั้นชาวนครเจตราชได้เห็น และทราบความจริงก็ตกใจรีบส่งข่าวสารกราบทูลกษัตริย์นครเจตราช ต่อนั้นบรรดากษัตริย์ขัตติยวงศ์ทั้งหมด ก็พากันเสด็จออกมาเฝ้าเยี่ยม แล้วทูลว่า
เทว ข้าแต่พระร่มเกศตระกูลแก่นกษัตริย์ อันว่าสิ่งสรรพพิบัติบีฑา พระร่มเกล้ายังค่อยครองพาราเป็นบรมสุข สิ่งสรรพทุกข์ย่ำยีทั้งองค์สมเด็จพระชนนีนาถยังค่อยเสวยสุขนิราศโรคันตรายทั้งประชาชนชาวสีพีราชทั้งหลายไม่เดือดร้อน ยังค่อยเป็นสุขถาวรอยู่ฤาพระพุทธเจ้าข้า?
นุ ดังเข้ามาสงกากินแหนงในยุบลเหตุ ดังฤาพระจอมปิ่นปกเกศมาเดินไพรนิราศร้างแรมไร้พระพารา ปราศจากจตุรงค์คณานิกรราชรถ ทั้งม้ามิ่งมงคลคช ที่เคยทรง มาดำเนินแต่สี่พระองค์ดูอนาถ ฤาว่ามีหมู่อินทร์ราชมาราวี เสียพระนครสีพีพินาศแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจึงจากพรากพลัดขัตติวงศ์มาบุกป่าฝ่าพงพูนเทวษจนถึงนคเรศ ข้าพระบาทของพระองค์จงตรัสประภาษให้ทราบเกล้า แต่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเถิด
พระเวสสันดรได้ทรงสดับสาร จึงมีพระราชบรรหารเฉลยเหตุว่า ดูกรพระสหายผู้ผ่านนคเรศเจตราช เราขอบพระทัยที่ท่านไต่ถามถึงประยูรญาติราชปิตุรงค์ ซึ่งท้าวเธอก็ทรงสุขสถาพร ทั้งประชาชนชาวสีพีราชไม่เดือดร้อนระงับภัย ซึ่งเรานิราชเวียงชัยมาสู่ป่า เพราะว่าเราทรงพระราชศรัทธามาเสียสละ พระยาเศวตกุญชรพาหนะพระที่นั่งต้น อันเป็นสีสวัสดิ์มงคลคู่นคร แก่พราหมณ์ทิชากรกลิงคราษฎร์ ชาวพระนครเขามิยอมอนุญาตชวนกันกริ้วโกรธ ยกอธกรณ์โทษทูลพระปิตุเรศ ท้าวเธอจึงสั่งให้เนรเทศเราจากพระพาราด้วยเราทำผิดขัตติยราชจรรยาอย่างบุราณ
จ. พระพุทธเจ้าข้า พระองค์เสด็จเดินพนัสกันดารดูลำบาก เป็นกษัตริย์ตกยากมิควรเลย ขอเชิญเสด็จหยุดพักพอเสวยสุทธาโภชน์สิ่งสรรพรสเอมโอชกระยาหาร ให้บรรเทาที่ทุกข์ทรมานลำบากองค์
ว. จึงตรัสว่า ประชาชนเขาแค้นเคืองทูลให้เนรเทศ เรานิราชมาแรมไพร พระบิดาก็มิได้เป็นใหญ่แต่พระองค์ ย่อมประพฤติโดยจำนงชาวสีพีราชถึงว่าท่านจะไปทูลให้ท้าวเธออนุญาตให้คืนกรุง ชาวเมืองก็จะหมายมุ่งประทุษจิตในสมเด็จบรมบพิตรผู้ร่มเกล้า เพราะเหตุด้วยรับเราเข้าคืนนคร
จ. พระพุทธเจ้า เมื่อมิพอพระทัยคืนพระพิไชยเชตุดรก็ตามแต่พระอัยกาจะขอเชิญเสด็จขึ้นผ่านพระพาราเจตราช เป็นจอมมิ่งมงกุฎ มาตุลนคร เป็นปิ่นปกประชากรเกษมสุข มิให้ท้าวเธอเสด็จไปทนทุกข์ที่กลางดง อันข้าพระบาทจะขอรองบทบงสุ์บรมกษัตริย์
ว. ครั้นพระองค์ได้ฟัง จึงตรัสบัญชาต่อว่า ซึ่งท่านจะมามอบเมืองเจตราช ให้แก่เราในครั้งนี้ เราก็มิได้มีพระทัยยินดีที่จะเสวยสิริสมบัติ ด้วยชาวเชตุดรเขาแค้นขัดให้เนรเทศ ท่ายจะมามอบนคเรศให้ครอบครองพระนครทั้งสองสิเป็นราชสัมพันธมิตร ก็จะเกิดกลวิปริตร้าวฉาน จากจารีตบุราณแต่ปางก่อน จะไม่สมัครสโมสรเสียประเพณี จะเกิดมหาโกลาหลเดือดร้อนทุกไพร่ฟ้าประชากรทั้งสองฝ่ายต่างจะมุ่งหมายประทุษกัน ก็จะเกิดมหาพิบัติภัยยันต์ไม่มีสุขเหตุด้วยเราผู้เดียว จะมานำทุกข์ให้ท่านทั้งปวง สมบัติอันใดในเมืองหลวงเจตราช ซึ่งท่านทั้งหลายมาอนุญาตยกให้ เราขอคืนถวายให้เสวยสุข ท่านจงอยู่นฤทุกข์อย่ามีภัย อันตัวเรานี้จะลาไปสู่วงกตจะทรงประพฤติพรหมพรตอิสีเพศ เชิญท่านช่วยแนะแนววิถีทุเรศให้เราจรไปยังวงกตสิงขรโน้นเถิดฯ
เมื่อกษัตริย์เจตราชทั้งหลาย ทูลเบี่ยงบ่ายจะเชิญเสด็จไว้ ครั้นแล้วท้าวเธอมิตามพระทัยก็สุดคิด จึงทูลเชิญสมเด็จบรมบพิตรให้ประเวศพระนคร หวังจะให้เสวยสุข ไสยากรเกษมอาสน์ ต่อเวลาสุริโยภาสจึงค่อยครรไล
ท้าวเธอก็ถ่อมพระองค์ว่า เข็ญใจไร้ศักดิ์มิได้เสด็จเข้าไปสำนักในพระพาราฯลฯ
ที่สุดกษัตริย์เจตราชก็ให้ตกแต่งศาลาที่ประทับปิดบังด้วยม่านแล้ว ถวายอารักขาให้ดีที่สุด จนสว่างแล้วถวายพระกระยาหารให้เสวย ครั้นเสร็จแล้ว ทูลอัญเชิญไปยังประตูป่า ต้นทางที่จะไปยังเขาวงกตแล้วแนะนำมรรคาให้ทรงกำหนดหมายแล้วทรงตั้งเจตบุตรพรานไพร ให้เป็นพนักงานรักษาประตูป่าถวายอารักขาคุ้มภัยให้เป็นพิเศษด้วย
ต่อนั้น พระเวสสันดรและพระนางมัทรีก็อำลากษัตริย์เจตราชอุ้มพระโอรสดำเนินไปตามแนวทางที่กษัตริย์เมืองเจตราชถวายคำแนะนำไว้ทรงพบพรานเนื้อพรานได้ถวายเนื้อย่าง พระเวสสันดรได้ประทานปิ่นทองเป็นรางวัลแล้วเสด็จต่อไปจนถึงเขาวงกต พบศาลาอาศรมบทซึ่งพระวิษณุกรรม เทพบุตรมานิรมิตตามเทวบัญชาของท้าวอัมรินทร์เทวาธิราช ก็ทรงโสมนัสที่สุด ทั้งสี่กษัตริย์ก็ทรงผนวชเป็นฤาษี สำนักอยู่ในอาศรมนั้นเสวยสุขตามควรแก่ถิ่นฐานทรงดำรงชีพด้วยผลาซึ่งนางมัทรีเป็นพนักงานแสวงหารจำเนียงกาลนานถึง ๗ เดือน โดยกำหนด
จบความย่อ ปี่พาทย์ทำเพลงพญาเดิน
อานิสงส์
ผู้บูชากัณฑ์วนประเวศน์ จะได้รับความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า จะได้เป็นบรมกษัตริย์ในชมพูทวีปเป็นผู้ทรงปรีชาเฉลียวฉลาดสามารถปราบอริราชศัตรูให้ย่อยยับไป
|