![]() |
|
|
การ์แรตต์ รถจักรที่การรถไฟตัดสินใจเลือกเพื่อพัฒนาการรถไฟคือรถจักรไอน้ำการ์แรตต์แบบล้อ 2 - 8 - 2 + 2 - 8 - 2 ซึ่งเป็นรถแบบสองตัวแฝดมีสมรรถนะสำหรับใช้ในทางตอนแก่งคอย - ปากช่อง และมีกำลังเท่ากันม่ว่าจะแล่นไปทางไหน การ์แรตต์ เป็นรถจักรไอน้ำขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดสำหรับรางกว้าง1เมตร จึงเป็นธรรมดาที่มีราคาแพง ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาถ้าไม่เป็นเพราะช่วงปี 2472 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจของโลกตกต่ำและเริ่มส่งผลถึงเมืองไทย การที่ได้สั่งซื้อรถจักรแบบนี้รุ่นแรกถึง 6 คันจึงเป็นการตัดินใจที่กล้าหาญและได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง การรถไฟก็ยังได้อนุมัติให้จัดซื้อรถจักรแบบเดียวกันแต่ใหญ่และเเพงกว่าอีก 2 คัน รถจักรไอน้ำการ์แรตต์ 8 คัน ได้รับใช้การรถไฟอยู่นานถึง 30 ปี ก่อนที่จะค่อยๆ ปลดระวางไปในยุคที่เริ่มเปลี่ยนรถจักรรถไฟจากไอน้ำเป็นดีเซล ซึ่งก็เป็นการตัดินใจที่ถูกเช่นเดียวกัน แต่จะมีความผิดพลาดอยู่บ้างที่ไม่พยายามอนุรักษ์รถจักรไอน้ำแห่งเกียรติภูมิไว้ สงครามใหญ่ที่เกิดขึ้นในยุโรปปี 2482 และลุกลามเป็นสงครามโลก 2 ทำให้การพัฒนากิจการรถไฟต้องชะงัด อย่างไรก็ดีได้เกิดมีทางรถไฟสายใหม่ขึ้นเชื่อมระหว่าง กาญจนบุรี - ตันบีอูซายัตในพม่า ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นได้ร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ด้วยการใช้เฉลยศึกสัมพันธมิตรเป็นแรงงานส่วนใหญ่ล้มตายเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางรถไฟสายนี้ด้รับฉายาว่า ทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟสายมรณะเวลานี้ได้เป็นของไทย มีการเดินรถได้เพียงจากสถานีหนองปลาดุก - น้ำตก และมีการเปลี่ยนสมญานามใหม่ว่าทางรถไฟสายสันติภาพ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การแข่งขันจาการนส่งทั้งทางดินและอากาศทำให้การรถไฟประสบภาวะลำบาก โดยไม่ต้องคำนึงถึงการปรับปรุงขยายงาน แต่ด้วยความกล้าหาญของคนรถไฟจึงทำให้กิจการรถไฟประคองตัวอยู่ได้ ทางรถไฟหลังสงครามโลกครั้งที่ 2มีอยู่สายเดียวคือ สายฉะเชิงเทรา - สัตหับ ที่เริ่มตามความต้องการทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา แต่บัดนี้เป็นเส้นทางที่มีคววามสำคัญมากต่อการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะโครงการพัฒนาบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก
|
คุณเข้ามาเยี่ยมชมลำดับที่
ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่
8 กันยายน พ.ศ. 2545 Copyright(c) 2002 waleethip. All rights reserved. |