C.J.
Thomsen
C.J.
Thomsen แห่งพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเดนมาร์ก ที่กรุงโคเปนเฮเก้น
ซึ่งทำการเปิดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินี้เมื่อปี ค.ศ.1819
ได้แบ่งประวัติศาสตร์อารยธรรมของมนุษย์โดยยึดแนวทาง"เทคโนโลยี"ที่มนุษย์รู้จักผลิตขึ้นมาใช้ในการพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้ามาโดยตลอด
โดยการยึดหลักเช่นนี้ C.J. Thomsen แห่งเดนมาร์กจึงแบ่งประวัติศาสตร์อารายธรรมของมนุษย์ออกเป็น
3 ยุค
1.ยุคหิน(Stone
Age)
2.ยุคบรอนซ์(Bronze
Age)
3.ยุคเหล็ก(Iron
Age)
การแบ่งยุคตาม"เทคโนโลยี"ของC.J.Thomsen
ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
ต่อมาเมื่อนักโบราณคดีเน้นหนักถึงเรื่องเครื่องมือที่มนุษย์ทำขึ้นเป็นแนวทางการแบ่งยุคประวัติศาสตร์
นักโบราณคดีจึงพบว่าเครื่องมือทำด้วยหินมีระยะเวลาการผลิตยาวนานยิ่งกว่าเครื่องมือทำด้วยโลหะบรอนซ์และเหล็ก
ดังนั้นจึงมีการแบ่งยุคหินออกเป็นยุคย่อยๆอีก
John
Lubbock นักโบราณคดีผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งได้เขียนหนังสือชื่อ
Origin of Civillzation จัดพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1870 ประมาณ
100 กว่าปีมาแล้ว เป็นคนแรกที่นำเอาคำว่า"Palaeolithic"
หรือ"ยุคหินเก่า" และคำว่า"Neolithic"
หรือ"ยุคหินใหม่"มาใช้ส่วนคำว่า"Mesolithic"
หรือ"ยุคหินกลาง" เป็นคำนำเพิ่มเติมมาใช้ในเวลาต่อมา ทั้ง
5 ยุคคือ
1.ยุคหินเก่า(Palaeolithic)
2.ยุคหินกลาง(Mesolirthic) (Stone Age)
3.ยุคหินใหม่(Neolithic)
4.ยุคบรอนซ์(Bronze Age)
5.ยุคเหล็ก(Iron Age)
ยังถูกแบ่งออกเป็นยุคย่อยๆตามรูปแบบของเครื่องที่มนุษย์ในแต่ละยุคประดิษฐ์ขึ้นมาใช้
|