3-4ล้านปีมาแล้ว
ร่องรอยแรกสุดที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสัตว์คล้ายมนุษย์
ได้มาจากแอฟริกาใต้และแอฟริกาตะวันออกบริเวณโอลดูไวยอร์ช
(Olduvai
George) ซึ่งตั้งอยู่าในแทนซาเนียในแอฟริกาปัจจุบัน คือ
บริเวณสถานที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
เพราะในบริเวณนี้เองในทศวรรษนับจากปี ค.ศ.1950 นักวิทยาศาสตร์ได้ร่องรอยจุดกำเนิดของมนุษย์
การค้นพบครั้งนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ขยายเวลาจุดกำเนิดของมนุษย์ให้ยาวไกลออกไปอีก
คือถึงช่วงเวลาประมาณ 3ล้านปีมาแล้วเป็นช่วงเวลาที่มีสัตว์คล้ายมนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลกนี้
อย่างไรก็ดี
ภายหลงการค้นพบร่องรอยของจุดกำเนิดของมนุษย์ที่บริเวณ
โอลดูไว ยอร์ช แล้วมีการค้นพบกระดูกสัตว์คล้ายมนุษย์ในบริเวณส่วนอื่นๆของทวีปแอฟริกาอีกทำให้เกิดข้อโต้แย้งในปัญหาจุดกำเนิดของมนุษย์ขึ้นมา
แต่นักวิทยาศาสตร์ได้สรุปผลไว้ว่าการค้นพบกระดูกสัตว์คล้ายมนุษย์ในบริเวณโอลดูไว
ยอร์ชคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการศึกษาประวัติความเป็นมาของมนุษย์
การค้นพบที่โอลดูไว ยอร์ชในตอนแรกๆดูเหมือนว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจนักเพราะเป็นการค้นพบกองกระดูกกลายเป็นหินจำนวนไม่มาก
แต่เมื่อเอามาศึกษาอย่างละเอียด นักวิทยาศาสตร์จึงพบว่ากองกระดูกเป็นหินเหล่านั้นคือสัตว์ประหลาดประมาณ20ร่าง
ซึ่งไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนเลยจึงตั้งชื่อให้ว่าลิงแห่งแอฟริกาใต้
-ออสตราโลพิธีและเมื่อคำนวณหาอายุก็พบว่ามีอายุอยูาบนโลกนี้ประมาณ1.2ล้านปีมาแล้ว
จากกองกระดูกกลายเป็นหิน
ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่า ออสตราโลพิธีคัสมีส่วนสูงเกินกว่า1เมตร
มีตะโพกขาและเท้าคล้ายมนุษย์มากกว่าของลิง แต่กระโหลกศีรษะเหมือนลิง
มีขนาดสมองโตเท่ากับขนาดของลิงกอริลลา เดินตัวตรงและวิ่งได้ตามพื้นดินอย่างที่ลิงไม่สามารถกระทำได้เมื่อมีนิ้วเช่นเดียวกับนิ้วมนุษย์
สิ่งที่สำคัญยิ่งจากการค้นพบครั้งนี้ คือนักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามนุษย์วานรพวกนี้อยู่เป็นกลุ่ม
อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกันมาช้านานและกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร
และเนื่องจากไม่พบหลักฐานการใช้ไฟบริเวณที่มนุษย์วานรพวกนี้ตั้งถิ่นฐานอยู่
จึงสัณนิษฐานว่ามนุษย์วานรพวกนี้กินเนื้อดิบๆเป็นอาหาร
นอกจากนี้ยังพบว่า ออสตราโลพิธีคัสรู้จักสร้างเครื่องมือเครื่องใช้
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบหินต่างๆที่มนุษย์วานรพวกนี้นำมาจากบริเวณส่วนอื่นๆ
ซึ่งเมื่อนำหินเหล่านี้มากระเทาะจะได้เครื่องมือตัดอย่างหยาบๆ
ใช้มือจับตัดสิ่งของ นับว่าเป็นเครื่องมือชิ้นแรกของโลกขึ้นในบริเวณโอลดูไว
ยอร์ช จากการประดิษฐ์ของมนุษย์วานรออสตราโลพิธีคัสเป็นการเริ่มต้นเทคโนโลยีสร้างเครื่องมือด้วยหินยุคหินแรกสุด
เกิดขึ้นมาช่วงนี้
การค้นพบที่
โอลดูไว ยอร์ช ยังมีปัญหาบางอย่างที่ยังไม่มีข้อยุติ ปัญหาแรกก็คือว่า
มนุษย์วานรออสตราโลพิธีคัส คือบรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์หรือไม่
ที่แน่นอนก็คือ ออสตราโลพิธีคัส คือ โฮมินิด (Hominid
สาขาคล้ายมนุษย์ ส่วนโอมินอยด์สาขาคล้ายลิงเรียกว่าพอนกิดPongid)แต่ก็อาจเป็นคนละพันธุ์ของต้นตระกูลมนุษย์ก็เป็นได้
คือพันธุ์ใกล้เคียงกับบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์เท่านั้น
ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงสันนิษฐานว่าออสตราโลพิธีคัสอาจมีบรรพบุรุษร่วมกันในอดีตกับมนุษย์
คือว่า ออสตราโลพิธีคัสกับมนุษย์อาจวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน
ปัญหาดังกล่าวกลายเป็นปัญหาซับซ้อยยุ่งยากเพราะการค้นพบในช่วงหลังนักวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดปัญหาสำคัญขึ้นมา2ประการคือ
ปัญหาแรกผลจากการค้นพบใหม่ๆทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่า
ออสตราโลพิธีคัสอาจมีหลายพันธุ์ ปัญหาที่2ในบริเวณอื่นๆของแอฟริกาตะวันออกเมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ได้หลักฐานมาว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้มีทั้งออสตราโลพิธีคัสและมนุษย์วานรอื่นๆมีรูปร่างคล้ายมนุษย์มากกว่าอาศัยอยู่ในแอฟริกา
จากการค้นพบครั้งนี้จึงสรุปว่า เมื่อ2-3ล้านปีมาแล้ว ไม่ใช่มีออสตราโลพิธีคัสเท่านั้นหากแต่ยังมีโฮมินิดพันธุ์อื่นๆด้วย
และเนื่องจากว่ามนุษย์วานรเหล่านี้มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์จึงต้องจัดอยู่ในตระกูลโฮโม
(ภาษาลาตินคือมนุษย์) ซึ่งจากโครงกระดูกที่ค้นพบบริเวณทะเลสาบรูดอฟท์
(Lake
Rudof)
ในคีนยา (Kenya)
พบว่ามีโฮมินิดพันธุ์หนึ่งสูงถึง1.5เมตร และมีขนาดสมองโตกว่าของลิงซิมแฟนซี2เท่า
จากหลักฐานพบที่
โอลดูไว ยอร์ชและทะเลสาบรูดอฟท์จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่ามีโฮมินิดอยู่หลายพันธุ์ในช่วงเวลาที่ออสตราโลพิธีคัสมีชีวิตอยู่
ความเห็นของนักวิทยาศาสตร์อาจเปลี่ยนแปลงไปอีกถ้าหากพบหลักฐานใหม่ๆในภายหลัง
แต่จากหลักฐานทั้งหมดที่พบอยู่ในปัจจุบันมีบางอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1.
ประมาณ3-4ล้านปีมาแล้วมีสัตว์คล้ายมนุษย์มากกว่า1พันธุ์อาศัยอยู่ในบางบริเวณของทวีปแอฟริกา
2.
สัตว์คล้ายมนุษย์เหล่านี้บางพันธุ์โดยเฉพาะออสตราโลพิธีคัสมีชีวิตอยู่ประมาณ
1ล้านปีก่อน ค.ศ. ซึ่งปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพอรอยที่อยู่ของออสตราโลพิธีคัสเกือบทั่วโลก(ยกเว้นในออสเตรเลียและทวีปอเมริกา)
3.
จุดกำเนิดของมนุษย์อยู่ในทวีปแอฟริกาเพราะยังไม่มีหลักฐานใดทำให้เห็นว่าบรรพบุรุษของมนุษย์มิได้เกิดขึ้นที่นั้นแล้วขยายไปทั่วโลก
|