การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์
ทำได้ 3 วิธี คือ
1.
การเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดในภาชนะ เช่น
ตะกร้าพลาสติกโปร่ง โดยมีความลึกของภาชนะประมาณ
2.5-3 นิ้ว ปูพื้นและด้านข้างของตะกร้าด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์
2 ชั้น วัสดุเพาะใช้ดิน : ทราย : ขี้เถ้าแกลบ
อัตราส่วน 1:1:1 ปรับหน้าดินให้เรียบ ตีร่องลึกประมาณ
0.5 ซม. แต่ละร่องห่างกันประมาณ 2.5 ซม. โรยเมล็ดลงในร่องบางๆ
เนื่องจากเมล็ดมีขนาดเล็กจึงควรนำเมล็ดผสมรวมกับทรายละเอียดแห้ง
อัตรา 1:10 กลบเมล็ดด้วยวัสดุเพาะบางๆ พอมิดเมล็ด
ปิดทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้นหนึ่งรดน้ำแล้วรดยากันราและยาฆ่าแมลง
รดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า- เย็น หลังจากเพาะประมาณ
5-10 วัน เมล็ดจะงอก การเพาะในแปลงเพาะเป็นวิธีที่ได้ผลดี เช่นเดียวกับการเพาะในภาชนะ
ถ้าหากมีการปฏิบัติดูแลอย่างใกล้ชิด วัสดุเพาะ
การดูแลอื่นๆ และการปฏิบัติเช่นเดียวกับการเพาะเมล็ดในภาชนะ
ต่างกันที่ตรงต้องยกแปลงเพาะขึ้นมา การทำแปลงเพาะแบบนี้เหมาะสำหรับเกษตรกรที่มีความชำนาญ
แล้วหลังจากกล้างออกก็ไม่ต้องย้ายกล้าลงไปชำในถุง
สามารถย้ายปลูกได้เมื่อต้นกล้ามีใบจริงประมาณ4 ใบ
เทคนิคการทำให้เมล็ดแอสเตอร์งอกเร็วและสม่ำเสมอ
โดยการนำเมล็ดไปแช่ในน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ
40 องศา C นานประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนหว่านจะทำให้เมล็ดงอกภายใน
3-5 วัน หลังจากงอกแล้วประมาณ 2 สัปดาห์หรือใบจริง
1-2 คู่ จึงทำการย้ายกล้าซึ่งมี 2 วิธี คือ (1) การย้ายกล้าลงในถุงชำ
โดยใช้ถุงขนาด 10 x 15 ซม. โดยใช้วัสดุปลูกคือ ดิน
: ทราย : ปุ๋ยคอก : ขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 2:2:1:1
เลี้ยงไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงย้ายปลูกลงแปลงอีกครั้งหนึ่ง
วิธีการนี้ไม่ค่อยนิยมเพราะว่าเสียค่าใช้จ่ายและแรงงานเพิ่มขึ้น
(2) การย้ายปลูกลงแปลง
2.
การแยกหน่อ เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่นิยมทำกับ
Aster ericoides เท่านั้น เป็นการขยายพันธุ์จากยอด
หรือหน่อ จะต้องชำให้ออกรากในกระบะพลาสติกเสียก่อน
วัสดุที่ใช้เป็น ดิน : ทราย ขี้เถ้าแกลบ อัตรา
1:1:1 ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ในการออกรากแล้วย้ายแต่ละต้นลงปลูกในถุงพลาสติกเป็นเวลา
2 สัปดาห์ ก็สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้
3.
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สามารถเพิ่ม ปริมาณต้นพันธุ์ปลอดโรคได้ปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะที่จะนำไปใช้ขยายพันธุ์แอสเตอร์พันธุ์ใหม่
ๆ
(*** การเพาะเมล็ดเป็นวิธีที่ดีที่สุด
***)
|