ประวัติความเป็นมา ประเพณีวิ่งควาย เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ชลบุรี งานนี้จัดขึ้นหลังฤดูการไถนาเพื่อให้ควายพักเหนื่อยหลังการ ใช้งานอย่างหนัก และระหว่างรอการเก็บเกี่ยวชาวนาจะนำควายมา ชุมนุมกันเพื่อถือโอกาสมาพบปะสนทนากัน รวมทั้งการซื้อขายสิน ค้าที่ตลาดจน กลายมาเป็นการแข่งขันวิ่งควายขึ้น
ปัจจุบันประเพณีวิ่งควายในเขตเทศบาลเมืองชลบุรีจะจัดในวัน ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 อำเภอบ้านบึงจัดในวันขึ้น 26 ค่ำ เดือน 11 วัดดอนกลาง ตำบลแสนสุข อำเภอชลบุรี จัดวิ่งควายในวัน ทอดกฐินประจำปีของวัดในวันนี้ นอกจากจะจัดให้มีการแข่งขันวิ่ง ควายแล้ว ยังมีการประกวดความงามของควาย การประกวดสุขภาพของควาย และการ “สู่ขวัญควาย”หรือการทำขวัญควายอีกด้วย
ประเพณีวิ่งควาย เป็นประเพณีที่จัดเป็นประจำทุกปีในวัน ก่อนออกพรรษา 1 วัน เป็นประเพณีที่เป็นมรดก ตกทอดมา แต่บรรพชนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการทำขวัญควายและให้ควายได้พักผ่อน จากงานในท้องนาเพื่อ ให้สอดคล้องกับความเชื่อที่ว่า หากปีใดไม่มีการ วิ่งควายปีนั้นควายจะเป็นโรคระบาดกันมาก เพื่อแสดงรู้คุณ ต่อควายซึ่งเป็นสัตว์ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพทำนา และเพื่อให้ชาวบ้านมาพบปะสังสรรค์กัน ส่วนใหญ่ จัดงานในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี และอำเภอบ้านบึง เดิมมีแต่คนในท้องถิ่นรู้จัก แต่ในปัจจุบันประเพณีวิ่ง ควายเป็นประเพณีประจำจังหวังชลบุรี ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ในอดีตประเพณีวิ่งควาย เป็นประเพณีวิ่งควายที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่ว่าถ้าควายของ ใครเจ็บป่วย เจ้าของควายควรจะนำควายของตนไปบนกับเทพารักษ์ และเมื่อหายเป็นปกติแล้วจะต้องนำ ควายมาวิ่งแก้บน ฉะนั้น ในปีต่อๆ มาชาวบ้านก็นำควายของตนมาวิ่งเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยเสียแต่เนิ่นๆ
ส่วนความเชื่อในทางศาสนาพุทธนั้น เกิดจากการที่ชาวบ้านมา ชุมนุมกัน ที่วัดใหญ่อินทาราม จังหวัดชลบุรี เพื่อนำเครื่องกัณฑ์ใส่ ควายเทียมเกียวนมาพักที่วัด เพื่อจะรอการติดกันเทศน์ในเทศกาล เทศน์มหาชาติ ขณะที่รอเด็กเลี้ยงควายต่างก็นำควายของตนไปอาบ
น้ำที่สระบริเวณวัด เมื่อต่างคนต่างพาควายของตนไปก็เกิดมีการประ
ลองฝีเท้าควายเกิดขึ้น เพื่อทดสอบสุขภาพความแข็งแรงกันการแข่ง ขันในระยะแรกๆจึงเป็นเพียงการบังคับควายขณะ วิ่งในระยะที่กำหนด
และห้ามตก จากหลังควาย ต่อมาจึงเชื่อว่าการวิ่งควายได้มีการพัฒนา
ขึ้นเรื่อยๆ มีการวิ่งรอบตลาด เมื่อถึงเทศกาลก่อนออกพรรษา 1 วัน ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็จะรอดูควายที่มาวิ่งมีการ ตกแต่งควายให้สวย
งามและวิจิตรบรรจงมากขึ้นจนกลายเป็นประเพณีวิ่งควาย
ส่วนขั้นตอนการวิ่งควาย ในปัจจุบันเจ้าของควายจะตกแต่งควาย
อย่างงดงามด้วยผ้าแพรพรรณดอกไม้หลากสี ตัวเจ้าของควายก็แต่ง
ตัวอย่างงดงามแปลกตา เช่น แต่งเป็นชาวเขา ชาวอินเดียแดงหรือตก
แต่งด้วยเครื่องทองประดับเพชรเหมือนเจ้าชายในลิเกละครที่แปลกตา
แล้วนำควายมาวิ่งแข่งกัน โดยเจ้าของ เป็นผู้ที่ขี่หลังควายไปด้วย ความสนุกอยู่ที่ท่าทางวิ่งควายที่แปลก บางคนขี่ก็ลื่นไหลตกลงมา จากหลังควายและคนดูจำนวนมากจะส่งเสียงกันดังอย่างอื้ออึง และมี
การเพิ่มประกวดสุขภาพควายประกวด การตกแต่งควายทั้งสวยงาม และตลกขบขัน
มีการประกวดน้องนางบ้านนา ทำให้ ประเพณีวิ่งควายมีกิจกรรมมากขึ้น ชาวเกษตรกรรมต่างก็พอใจกัน พืชพันธุ์ธัญญาหาร ในไร่กำลังตกดอกออกรวง จึงคำนึงถึงสัตว์ เช่น วัว ควาย ที่ได้ใช้งานไถนาเป็นเวลา หลายเดือน ควรจะได้รับความสุขตามสภาพบ้าง จึงต่างตกแต่งวัว ควายของตนให้สวยงาม บรรดาเกษตร กรมีการสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนมีการประกวดความสมบูรณ์ของวัวและควายที่เลี้ยงกัน เหตุที่เลือกเอาวันนี้เพราะเป็นวันพระ ทุกคนจะต้อง หยุดงานไปวัดในวันพระ ประเพณีวิ่งควายไม่ใช่เรื่องไร้ สาระเป็นเรื่องที่แฝงไว้ด้วยความสามัคคีธรรม คนโบราณของเราเป็นคนที่ตระหนักในความกตัญญูกตเวทิตา คุณ และมีความเมตตาธรรมสูง เห็นวัวควายทำงานให้กับคน เป็นสัตว์ที่มีคุณแก่ชีวิตจึง สืบทอดประเพณีนี้ ตลอดมา
แหล่งที่มาของข้อมูล : http://www.moohin.com/059/059k002.shtml