ทารกหมายถึง เด็กที่อยู่ในวัยตั้งแต่เกิดจนถึงอายุหนึ่งขวบ
ส่วนเด็กก่อนวัยเรียนหมายถึง เด็กที่มีอายุตั้งแต่ หนึ่งถึงหกขวบ
อาหารสำหรับทารกและเด็กก่อนวัยเรียนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิตในระยะนี้และระยะต่อไปในปีขวบแรก
ทารกจะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 3000 กรัม ทารกที่ได้รับโภชนาการที่ดีจะมีการเพิ่มของน้ำหนัก
ดังนี้
แรกเกิด หนัก
3
กิโลกรัม
5
เดือน หนัก 6
กิโลกรัม
12
เดือน หนัก
9 กิโลกรัม
2
ปี หนัก 12
กิโลกรัม
5
ปี หนัก 15
กิโลกรัม
อาหารสำหรับทารก
ควรใช้น้ำนมมารดา เพราะมีประโยชน์ดังนี้
น้ำนมที่มีสีเหลืองมีประโยชน์แก่ทารกมาก
เพราะมีโปรตีนและเกลือแร่หลายชนิดสูงกว่าน้ำนมในระยะอื่น
และช่วยในการระบายท้องให้ทารก
การเลี้ยงทารกดวยนมตนเองทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารกแน่นแฟ้นขึ้น
ประหยัดเวลาในการเตรียมนมให้ถูกสัดส่วนและสะอาด
ประหยัดเงิน
ปลอดภัยจากเชื้อโรค
ทารกที่กินนมผสมจะเป็นโรคกระเพาะมากกว่าทารกที่กินนมแม่
แต่ถ้าหากมารดาไม่สามารถให้นมทารกได้จริงๆ
และจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปฏิบัติดังนี้
วิธีเตรียมนม
ล้างเครื่องมือเครื่องใช้ทั้งหมดให้สะอาด
แล้วต้มในหม้อมีฝา
ล้างมือให้สะอาดก่อนผสมนม
ใช้น้ำเดือดผสมกับน้ำสุกให้อุ่นสำหรับชงนม
ตวงนมตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้
คนให้ละลายทั่วกันแล้วนำไปใส่ขวดนม
การเก็บนม
นมที่เปิดใช้แล้วต้องปิดฝาให้สนิท
นมที่เหลือต้องนำเก็บในตู้เย็น
เมื่อเด็กต้องการกินให้นำขวดมาแช่น้ำอุ่นเพื่อให้มีอุณหภูมิลดลง
อาหารเพิ่มเติมอื่นๆสำหรับทารก
ทารกอายุ 1
เดือน ให้น้ำส้มคั้นที่ไม่เปรี้ยวมากเกินไป 1 ช้อนชา ผสมน้ำสุกเท่าตัว
ต่อมาจึงเพิ่มจำนวนส้มจนถึงประมาณ ครึ่งผลถึงหนึ่งผล
ทารกอายุ 2
เดือน เริ่มให้น้ำมันตับปลาประมาณครึ่งช้อนชา
ทารกอายุ 4
เดือน เริ่มให้ข้าวครูดหรือข้าวบด ในตอนแรกให้เพียง 1-2
ช้อนชาแล้วค่อยๆเพิ่มจนถึง 1-2 ช้อนโต๊ะผสมกับ น้ำต้มกระดูก
น้ำต้มตับ น้ำต้มผัก หลังจากนั้นให้น้ำนมตาม เมื่อทารกกินข้าวกับน้ำซุบได้ดีแล้วก็เริ่มให้ไข่แดงต้มสุดบดละเอียด
เริ่มด้วย 1 ช้อนชา และเพิ่มไปเรื่อยๆจนถึงไข่แดงวันละ
1 ฟอง
ทารกอายุ 5
เดือน เริ่มให้เนื้อปลาบดละเอียด 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับข้าวและน้ำซุบ
ทารกอายุ 6
เดือน ให้อาหารผสมแทนน้ำนม 1 มื้อเริ่มให้ผักต้มบดละเอียดลงไปในข้าวประมาณ
1-2 ช้อนโต๊ะ
ทารกอายุ 7
เดือน เริ่มให้เนื้อสัตว์ต้มเปื่อยบดละเอียดและตับ1-2ช้อนโต๊ะ และให้ลองกินไข่ขาว ขนมปังกรอบ
ทารกอายุ 8
เดือน เริ่มให้อาหารผสมแทนน้ำนม 2 มื้อ และเริ่มให้ของหวานหลังอาหารคาว
ทารกอายุ 9
เดือน ให้อาหารเหมือนเมื่ออายุ 8 เดือน และให้เริ่มจับช้อนป้อนข้าวเอง
และดื่มน้ำจากถ้วยเอง
ทารกอายุ 10-12
เดือน ค่อยๆเพิ่มอาหารผสมแทนน้ำนมทั้ง 3 มื้อ
การหย่านม(การงดให้นมแม่แก่เด็ก)
ปกติมารดาจะผลิตน้ำนมได้มากที่สุดในช่วงเดือนแรกของการให้นมทารก
หลังจากนั้นต่อมน้ำนมจะน้อยลง การให้นมทารกเป็นเวลานานทำให้น้ำนมมีคุณค่าทางอาหารต่ำลง
และทำให้ร่างกายมารดาทรุดโทรม จึงควรหย่านมเมื่อเด็กอายุได้
8-10 เดือน
สารอาหารที่ทารกต้องการ
พลังงาน ทารกต้องการพลังงานวันละ 100-120 แคลอรีต่อน้ำหนักตัว
1 กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าผู้ใหญ่
โปรตีน ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง ควรได้รับวันละ
2.5 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าวัยอื่นๆ
วิตามิน ได้แก่
-
วิตามินเอ ช่วยในการทำงานของเยื่อบุของตา และเยื่อบุผิวหนัง
ทารกควรได้รับวิตามินเอวันละ 1000 หน่วยสากล
-
วิตามินดี จำเป็นในการสร้างกระดูกและฟัน ควรได้รับวันละ
400 หน่วยสากล
-
วิตามินบี1 ควรได้รับวันละ 0.3 มิลลิกรัม
-
วิตามินบี2 ควรได้รับวันละ 0.4 มิลลิกรัม
-
ไนอะซิน ได้รับอย่างเพียงพออยู่แล้วในน้ำนม ซึงมีปริมาณ
4 มิลลิกรัม
-
วิตามินซี ต้องการวันละ 20 กรัม
-
โฟลาซิน ได้จากผักใบเขียวและตับสัตว์
เกลือแร่ ได้แก่
-
แคลเซียม ต้องการวันละ 400-500 มิลลิกรัม
-
เหล็ก ต้องการประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
แต่ถ้าเป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนดก็ต้องการ2มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว
-
ไอโอดีน เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างฮอร์โมนไทรอคซินในระยะ6เดือนแรก ทารกจะต้องการไอโอดีนวันละ 35ไมโครกรัม
น้ำ ควรได้รับวันละ 150 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
เด็กวัยก่อนเรียน
น้ำหนักของเด็กวัยก่อนเรียน
สามารถคำนวณได้โดย น้ำหนัก(กิโลกรัม) = 8+[(2)(อายุ)]
ส่วนมากเด็กในวัยนี้จะขาดโปรตีนและแคลอรี
สารอาหารที่ต้องการของเด็กวัยก่อนเรียน
พลังงาน ควรได้รับวันละ 90-100 แคลอรีต่อน้ำหนักตัว 1
กิโลกรัม ควรให้ขนมหวานที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ได้รับน้ำตาลซึ่งเป็นพลังงาน
โปรตีน ควรได้รับวันละ 1.3-1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
โปรตีนที่ได้รับควรเป็น ไข่ น้ำนม ถั่วเมล์ดแห้ง และเนื้อสัตว์
วิตามิน ได้แก่
-
วิตามินเอ การขาดวิตามินเอเป็นเหตุทำให้เด็กทารกและเด็กวัยก่อนเรียนตาบอด
ส่วนใหญ่มาจากการที่มารดาเลี้ยงทารกด้วยอาหารเสริมที่มีวิตามินเอและไขมันน้อย
เด็กวัยนี้ควรได้รับวิตามินเอวันละ 850-1000 หน่วยสากล
เกลือแร่ ได้แก่
-
เหล็ก หากขาดเหล็กจะทำให้เด็กเป็นโรคโลหิตจาง เด็กวัยนี้ควรได้รับวันละ
4 มิลลิกรัม
น้ำ ควรดื่มน้ำที่สะอาด หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เช่น น้ำผลไม้ น้ำนม แต่ไม่ควรให้ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์
เช่น น้ำหวานหรือน้ำอัดลม
อาหารและปริมาณอาหารที่เด็กวัยก่อนเรียนควรได้รับ
เนื้อสัตว์ต่างๆ ควรได้รับวันละ 2-4 ช้อนโต๊ะ และควรได้รับเครื่องในสัตว์ด้วย
ไข่ ควรได้รับทุกวัน วันละ 1 ฟอง ไข่ให้ทั้งโปรตีนและเหล็ก
น้ำนม ควรได้รับอย่างน้อยวันละ 2 ถ้วยตวง จะใช้นมถั่วเหลืองแทนก็ได้
ถั่วเมล็ดแห้ง หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองก็ได้ ควรได้รับวันละ
1-2 ช้อนโต๊ะ
ข้าว ควรได้รับวันละ 2-3 ถ้วยตวง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของเด็ก
ผัก เป็นผักสีเขียวหรือสีเหลืองก็ได้ ควรได้รับวันละ 4-8
ช้อนโต๊ะ
ผลไม้ ควรให้เด็กกินทุกวัน เพื่อให้ได้รับวิตามินซี
ไขมัน ควรได้รับน้ำมัน(ซึ่งอยู่ในรูปของอาหารผัดหรือทอด)วันละ
2-3 ช้อนโต๊ะ
|