3.วรรณะของสี

 

     วรรณะของสี           

      จากการที่นักเรียนได้ศึกษาเรื่อง แม่สี ในกลุ่มต่างๆ และเรื่องวงจรสีมาแล้ว รวมทั้งได้ทำกิจกรรมต่างๆ คงพอทำให้มีพื้นฐานทางการใช้สีในงานศิลปะแต่ทราบหรือไม่ว่าสีที่นักเรียนผสมออกมาทั้ง 12 สีนั้น สามารถแยกออกเป็นสองกลุ่มตามค่าความเข้มของสี หรือที่เรียกว่าวรรณะของสี (Tone of color)  วรรณะของสีก็คือ ค่าความแตกต่างของสีแต่ละด้านของวงจรสีที่แสดงถึงความรู้สึกที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับเสียงเพลงหรือเสียงดนตรีก็คือเสียงสูง เสียงต่ำ ที่แสดงออกทางอารมณ์ ที่มีการเคลื่อนไหว มีชีวิตชีวา หรือเศร้าโศกหรือรันทดใจ

     สีที่อยู่ในวรรณะร้อน(warm tone color)                                         สีที่อยู่ในวรรณะเย็น(cool tone color)

    ได้แก่ สีเหลืองส้ม สีส้ม สีแดง และสีม่วงแดง                                         ได้แก่ สีเขียว สีฟ้า สีม่วงคราม

                                                        

     

        สีทั้งสองวรรณะอาจจะไม่ใช่สีที่สดดั่งเช่นในวงจรสี เพราะความจริงแล้วในธรรมชาติยังมีสีที่แตกต่างไปจากในวงจรสีอีกมากมาย ให้อนุมานว่าสีใดที่ค่อนไปทางสีแดง หรือสีส้มให้ถือว่าเป็นสีวรรณะร้อน       ส่วนสีที่ค่อนไปทางน้ำเงิน เขียวให้อนุมาว่าเป็นวรรณะเย็น ในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ต้องให้สีหลายสีในภาพอย่างอิสระ   และผู้เขียนสามารถใช้สีให้เกิดความกลมกลืนเป็นอย่างดีจนชำนาญ จะเห็นว่าเรื่องของวรรณะของสีนั้นเข้ามามีบทบาทในภาพเขียนเสมอ กล่าวคือโทนสีของภาพจะแสดงงออกไปทางใดทางหนึ่งของวรรณะสีเสมอ นั่นคือองค์ประกอบหนึ่งที่จะนับได้ว่าเป็นภาพเขียนที่ดี คือเมื่อเขียนภาพโทนเย็นก็มักจะเอาสีในวรรณะเย็นมาใช้เป็นส่วนมาก ส่วนภาพที่เป็นโทนร้อน ก็จะนำสีในวรรณะร้อนมาใช้มากเช่นกัน ในวรรณะของสีแต่ละฝ่ายยังสามารถแยกออกเป็นอีก 2 ระยะคือ   ร้อนอย่างรุนแรง หรือเข้มข้น คือแสดงออกถึงความรุนแรงของโทนสีในภาพที่มีผลต่ออารมณ์ของผู้ชมอย่างแรง และ  ร้อนอย่างเบาบาง      คือให้ความรู้สึกที่ไม่ร้อนแรงมากอย่างประเภทแรก ใช้โทนสีที่ร้อนแต่ไม่รุนแรง

         ภาพเขียนที่ใช้โทนสีหรือวรรณะของสีเข้ามาเกี่ยวข้องมักแสดงความรู้สึกและอารมณ์ในภาพ เช่นวรรณะเย็นให้ควารมรู้สึก เศร้า   สงบ ราบเรียบ ส่วนวรรณะร้อนให้ความรู้สึกรื่รเริง เจิดจ้า และความขัดแย้งขึ้นอยู่กับอารมณ์ของศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน    จิตรกรผู้สร้างมีอารมณ์ใดในขณะนั้นก็มักแสดงออกมาถึงโทนสีและความรู้สึกในภาพเขียนเช่น ปิคัสโซ่ (จิตรกรชาวเสปญ เกิดที่เมือง Malage  เมื่อปี ค.ศ.1881) ซึ่งเมื่อขณะที่เขาเป็นหนุมมีความรักมักสร้างผลงานในวรรณะร้อนค่อนไปทางชมพู ส่วนในช่วงที่เขาทุกระทม    ภาพเขียนเขาจะใช้สีในวรรณะเย็นค่อนไปทางน้ำเงิน      รวมทั้งศิลปินต่างๆในประเทศไทยเราก็สร้างสรรค์ผลงานออกมาโดยใช้ความรู้เรื่องวรรณะของสีไปใช้ในการสร้างสรรค์เช่นเดียวกัน

                    

                     ตัวอย่างภาพจิตรกรรมที่ใช้สี วรระเย็น                            ตัวอย่างภาพจิตกรรมที่ใช้สี วรรณะร้อน

         หลักในการใช้ความรู้เรื่องวรรณะของสีในการสร้างสรรค์งานศิลปะ

              ในการส้รางสรรค์งานศิลปะโดยมากเรามักจะเน้นโทนสีของภาพออกไปในทางวรรณะใดวรรณะหนึ่งเป็นหลักอยู่แล้ว   แต่บางครั้งเราสามารถนำเอาสีทั้งสองวรรณะมาไว้ในภาพเดียวกันได้ เพียงแต่รู้หลักในการนำมาใช้ กล่าวคือหากจะนำสีทั้งสองวรรณะมาไว้ในภาพเดียวกัน ถ้าเราใช้สีวรรณะร้อนที่มีเปอร์เซ็นต์มากกว่า ตั้งแต่ 70 ถึง 80 เปอร์เซ้นต์ของภาพแล้วใช้สีวรรณะเย็นเพียงเพียง 30 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ ผลของภาพนั้นก็ยังเป็นภาพวรรณะร้อน (warm tone)  ดังนั้นการจะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในวรรณะเย็นหรือร้อนไม่จำเป็นต้องใช้สีในวรรณะร้อนหรือเย็นเพียงอย่างเดียว   เราสามารถเอาสีต่างวรรณะมาผสมผสานกันได้แต่คุมปริมาณให้อยู่ในวรรณะใดวรรณะหนึ่งในปริมาณที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น                                                              

  

 จัดทำโดย นายสมพงษ์    เกศีนิลพรรณ

Copyright(c) 2003 Mr.Somphong  Kesinilphan.All right reseved.

 คุณเข้ามาเยี่ยมชมอันดับที่

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2546