ควรให้อาหารอย่างน้อยที่สุด
2 มื้อ แต่ละมื้อควรให้ปลากินหมดภายใน 10 นาที
ตักเศษอาหารหรือเศษใบไม้
ต้นไม้ที่ตายออก สังเกตปลาในตู้ถ้ามีปลาป่วยให้แยกออกมาดูแล
นับจำนวนปลาด้วยว่าอยู่ครบหรือไม่
ทุกสัปดาห์
ควรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทำความสะอาดกระจกตู้ด้านใน
เปลี่ยนน้ำประมาณ 10-20 % ของปริมาตรน้ำทั้งหมด ทำความสะอาดระบบกรองน้ำภายนอกตู้
และตรวจคุณภาพน้ำ
ทุกเดือน
เปลี่ยนน้ำประมาณ 50 % ของตู้ โดยเน้นดูดน้ำบริเวณหินหรือกรวดรองพื้น
ทุก
3 เดือน ควรจัดและตกแต่งภายในตู้ใหม่ ทำความสะอาดหิน กรวด
ทราย และระบบกรองน้ำทั้งหมด
กิจกรรมดังกล่าวเป็นแค่เพียงตัวย่าง
ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถปรับ ดัดแปลงให้เข้ากับการเลี้ยงของตนเองได้
การปรับค่า
pH ของน้ำในการเลี้ยงปลา
หลายคนอาจเคยสงสัยเมื่ออ่านหนังสือคู่มือแนะนำการเลี้ยงปลา
ต่าง ๆ ว่าทำไมน้ำที่ใช้เลี้ยงปลานั้น ต้องกำหนดค่า pH
ที่ต่าง ๆ กัน แล้วเราจะมีวิธีการปรับค่า pH ให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้อย่างไร
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า
ค่า pH นี้ก็คือ ค่าที่ใช้ในการวัดระดับ ความเป็น กรด-ด่าง
ของน้ำและของเหลวต่าง ๆ ซึ่งเราจะรู้ได้โดยการใช้ พีเอชมิเตอร์
หรือ กระดาษวัดพีเอช วัดดู ( ค่าที่ได้ จะมีตั้งแต่ 0
- 14 )
pH
ที่ 7 แสดงว่า เป็นกลาง
pH
ต่ำกว่า 7 แสดงว่า เป็นกรด
pH
สูงกว่า 7 แสดงว่า เป็นด่าง
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรามีวิธีการปรับค่า
pH ของน้ำให้เป็นไปตามที่เราต้องการมาฝากกัน ...
-
ถ้าน้ำเราเตรียมไว้มีค่า pH ต่ำกว่าเกณฑ์ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพันธุ์ปลาของเรา
( คือมีความเป็นกรดสูงกว่าที่เราต้องการ ) ให้แก้โดยการใส่ปูนขาว
หรือสารละลายพวกโปรแตสเซียมไฮดรอกไซด์
- ถ้าในกรณีตรงกันข้าม
น้ำที่เตรียมไว้กลับมี ค่า pH สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (
คือเป็นด่าง ) ให้แก้โดยการ ใส่กรดไฮโดรคลอริก หรือ แอมโมเนียมซัลเฟต
สำหรับการวัดค่า
pH ของน้ำนั้น มักจะใช้กับการเลี้ยงปลาเป็นจำนวนมาก ๆ
และต้องการปรับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ให้เหมาะแก่การเจริญพันธุ์ของปลา
เพราะฉะนั้นถ้าใครเลี้ยงเป็นงานอดิเรก หรือรักที่เลี้ยงเป็นเพื่อนคลายเหงาเฉย
ๆ ก็ไม่ต้องซีเรียสกันในจุดนี้ก็ได้นะ ขอบอกไว้ก่อน
|