พระอุโบสถวัดอรุณฯ

     

Homeคำว่ารายชื่อวัดแหล่งข้อมูล

nonkkwank@yahoo.com,chsorange@yahoo.com

 

 

 

พระอุโบสถ

 

        พระประธานในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายพระนามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" หล่อในรัชกาลที่๒ กล่าวกันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงปั้นหุ่นพระพักตร์ด้วยพระองค์เอง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง    ๓  ศอกคืบ ประดิษฐานเหนือแท่นไพทีบนฐานชุกชี ที่พระพุทธอาสน์พระประธาน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้อัญเชิญพระบรมอัฐิรัชกาลที่ ๒ มาบรรจุได้ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๓๘เวลา ๑๖.๐๐ น.  เกิดอัคคีภัยไหม้พระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รีบเสด็จพระราชดำเนินมาอำนวยการดับเพลงด้วยพระองค์เอง    และอัญเชิญพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมอัยกาธิราชออกไปได้ทัน   เพลิงไหม้หลังคาพระอุโบสถหมด  จึงโปรดให้พระวรวงศ์เธอ   กรมหมื่นปราบปรปักษ์เป็นแม่กองปฏิสังขรณ์พระอุโบสถให้คือดีดังเดิม  และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบานริศรานุวัดติวงศ์ก็ประทานความเห็นในการซ่อมภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ  ให้รักษาของเก่าไว้อย่างดีที่สุดและภาพที่จะเขียนซ่อมใหม่ก็ให้กลมกลืนกับภาพเดิม  

        โดยรอบพระอุโบสถมีซุ้มใบเสมา ๘ ซุ้ม ในเสมาเป็นใบคู่ทำด้วยหินสลักลวดลายงดงามประดิษฐานอยู่ในซุ้มหินอ่อนทำเป็นรูปบุษบกยอดเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้สิบสอง สูง ๒ วา ๑ ศอกระหว่างซุ้มใบเสมามีสิงโตหินแบบจีนตัวเล็ก  ๑๑๒ ตัว ตั้งอยู่บนแท่น มีเหล็กยึดแท่นให้ติดกันโดยตลอด เว้นแต่ช่องตรงกับบันไดพระอุโบสถ  ริมช่องว่างนั้นมีตุ๊กตาหินรูปคนจีนนั่งบนเก้าอี้หน้าสิงโตจีนอีกช่องละ๒ ตัว ๘ ช่องรวมเป็น ๑๖ ตัว หน้าพระระเบียงโดยรอบ  มีตุ๊กตาหินรูปทหารจีนตั้งเรียงเป็นแถวจำนวน ๑๔๔ ตัว และมุมพระอุโบสถทั้ง ๔ มีพระเจดีย์จีนทำด้วยหิน  มีซุ้มคูหาตั้งรูปผู้วิเศษ ๘ คน หรือ ที่เรียกว่าโป๊ยเซียนพระเจดีย์มียอดเป็นปล้อง ๆ เรียวเล็กขึ้นไปตามลำดับ คล้ายปล้อง ไฉนแบบพระเจดีย์ไทย   มุมละองค์ นอกจากนั้นยังมีช้างหล่อด้วยโลหะ   ๘  ตัว สูงขนาด๑ เมตรเศษ   ตั้งอยู่บนแท่นตรง ประตูเข้าออกหน้าพระระเบียง แนวเดียวกับตุ๊กตาทหารจีน ด้านละ    ๒ ตัว  หันหน้าเข้าพระอุโบสถ ช้างโลหะทั้ง ๘ ตัวนี้มีอิริยาบถไม่เหมือนกัน  บางตัวชูงวงบางตัวปล่อยงวง ลง เป็นต้น     พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้หล่อขึ้น

        เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๙ โดยรอบพระอุโบสถมีพระระเบียงหรือพระวิหารคด มีประตูเข้าออกอยู่กึ่งกลาง พระระเบียงทั้ง ๔ ทิศ หน้าบัน ประตูทำเป็นรูปนารายณ์ ทรงครุฑ ประดับด้วยลาย กระหนกลงรักปิดทองงามมาก   พระระเบียงเป็นของสร้าง  ในรัชกาลที่ ๒ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบานริศรานุวัดติวงศ์ศิลปินเอกของชาติไทยทรงชมเชยไว้ว่า "พระระเบียงมีอยู่ให้ดูได้บริบูรณ์  ทรวดทรงงามกว่าพระระเบียงที่ไหนหมด เป็นศรีแห่งฝีมือในรัชกาลที่ ๒ ควรชมอย่างยิ่ง   แต่ลายเขียนผนังนั้นเป็นฝีมือในรัชกาลที่ ๓ ทำเพิ่มเติม"     ลายเขียนที่ผนังที่ทรงกล่าวถึงนั้น  เขียนเป็นรูปซุ้มเรือนแก้วลายดอกไม้ใบไม้ มีนกยูงแบบจีนคาบอยู่ตรงกลาง พระพุทธรูปในพระระเบียงทั้งหมด   เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีรวม ๑๒๐ องค์

        ตรงด้านหลังทิศตะวันออกทางที่จะเข้าสู่ พระอุโบสถ มีประตูซุ้มยอดมงกุฎสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นประตูจตุรมุข หลังคา ๓ ชั้น เฉลียงรอบมียอดเป็นทรงมงกุฎ ประดับด้วยกระเบื้องถ้วยสลับสี   หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ช่อฟ้า ใบระกา หัวนาคและหางหงส์ เป็นปูนประดับกระเบื้องถ้วย  หน้าบันเป็นปูนประดับกระเบื้องถ้วย มีลวดลายเป็นใบไม้ดอกไม้     ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘   ประตูซุ้มยอดมงกุฎนี้ชำรุดทรุดโทรมมาก พระยาราชสงคราม   ได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า  ถ้าจะโปรดเกล้าฯ    ให้ซ่อมใหม่ก็ต้องใช้เงินถึง ๑๖,๐๐๐ บาท  หรือไม่ก็ต้องรื้อเพราะเกรงจะเป็นอันตรายเมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนิน   พระราชทานผ้าพระกฐินวัดนี้ มีพระราชกระแสตอบว่า "ซุ้มประตูนี้อยากจะให้คงรูปเดิม เพราะปรากฏแก่คนว่า เป็นหลักของบางกอกมาช้านานแล้ว"  อีกตอนหนึ่งทรงว่า "ขอให้ถ่ายรูปเดิมไว้ให้ มั่นคง    เวลาทำอย่าให้แปลกกว่าเก่าเลยเป็นอันขาด อย่าเพ่อให้รื้อจะไปถ่ายรูปไว้เป็นพยาน…" เพราะพระมหากรุณาธิคุณในการทรงอนุรักษ์ศิลปกรรมชิ้นยอดเยี่ยมของชาติชิ้นนี้ไว้  ลูกหลานไทยจึงได้ชื่นชมต่ออัจฉริยะของช่างรุ่นก่อนมาจนทุกวันนี้

        ทางรัฐบาลก็เคยนำภาพซุ้มประตูยอดมงกุฎ  มีรูปยักษ์ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า ๒  ตน   ลงพิมพ์ในธนบัตรอยู่สมัยหนึ่ง  ที่หน้าประตูซุ้มยอดมงกุฏดังกล่าว มีพญสยักษ์ยืนอยู่  ๒ คน มือทั้งสองกุมกระบองยืนอยู่บนแท่น  ยักษ์ด้านเหนือสีขาวชื่อ สหัสเดชะ ด้านใต้สีเขียวชื่อทศกัณฐ์    ปั้นด้วยปูน ประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นลวดลาย  รูปลักษณะและเครื่องแต่งตัว    สร้างแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ตรัศว่าเป็นฝีมือปั้นของหลวงเทพรจนา   (กัน)  และเป็นเหตุให้เกิดการปั้นรูปยักษ์ยืนในวัดพระศรีรัตนศาสดารามในเวลาต่อมา

 

คุณเข้ามาเยี่ยมชมลำดับที่

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2545
www.thaigoodview.com
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษา
e-mail :
thaigoodview@hotmail.com
ICQ : 82032264

Copyright(c) 2001 Waleerat Thaweebanchongsin,Chanokporn Sathaporncharearnchai. All rights reserved.