คาร์โบไฮเดรต
( Carbohydrate ) คือ สารอาหารที่ประกอบด้วยคาร์บอน
( C ) ไฮโดรเจน ( H ) และออกซิเจน (
O )
คาร์โบไฮเดรต
ได้แก่
พวกแป้ง ข้าว น้ำตาล เผือก มัน
ฯลฯ มี 2 ประเภท
ดังนี้
1.
น้ำตาล ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตที่มีรสหวาน
ละลายน้ำได้ ได้แก่
ก.
น้ำตาลเชิงเดี่ยว ( Mono saccharide
) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก
คาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดมีสมบัติแตกต่างกัน
คือ กลูโคสทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ได้เร็วกว่า
ซูโครส แป้งไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์
แต่ทำปฏิกิริยากับสารละลายไอโอดีน ส่วยเซลลูโลสไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายทั้งสองชนิดนี้
อาหารที่นำมาทดสอบจะให้ผล
ดังนี้ -
เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง วุ้นเส้น กล้วยน้ำว้า
ทดสอบโดยใช้สารละลายไอโอดีน ให้สีน้ำเงินแสดงว่า มีแป้ง -
แบะแซ น้ำผึ้ง น้ำตาลกรวด กล้วยน้ำว้า
ขนมปัง ( ถ้ามีรสหวาน ) ทดสอบโดยใช้สารละลายเบเนดิกต์
ถ้าเปลี่ยนสีของสารละลายจากฟ้าเป็นเขียว แล้วเหลืองในที่สุด
ได้ตะกอนสีแดงส้ม แสดงว่ามีน้ำตาล
1.
คาร์โบไฮเดรตต่างชนิดกันมีสมบัติต่างกัน 2.
การทดสอบน้ำตาลใช้สารละลายเบเนดิกต์ คือ
เปลี่ยนสีของสารละลายเบเนดิกต์จากสีฟ้าเป็นสีเขียวแล้วเหลือง
ในที่สุดจะได้ตะกอนสีส้มแดง ตามลำดับ
3.
แป้งไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ แต่ทำปฏิกิริยากับสารละลายไอโอดีนให้สีน้ำเงิน
4.
เซลลูโลสไม่ทำปฏิกิริยาทั้งสารละลายเบเนดิกต์และสารละลายไอโอดีน
5.
แป้งสามารถย่อยให้เป็นน้ำตาลได้ โดยการต้มกับกรดไฮโดรคลอริก
ในการแช่สารละลายของน้ำตาลซูโครสและน้ำแป้ง
กับสารละลายเบเนดิกต์ในน้ำเดือด ให้แช่ไว้ภายในเวลาที่กำหนด
ถ้าแช่นานเกินไป ซูโครสหรือน้ำแป้งบางส่วนจะถูกเบสในสารละลายเบเนดิกต์ทำให้แตกตัวเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
และเกิดปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ทำให้เกิดตะกอนสีส้มแดงเล็กน้อย
การต้มสารละลายกลูโคส
ซูโครส แป้ง และ สำลี กับ กรดไฮโดรคลอริก
เพื่อทำให้สารละลายเป็นกลางด้วยสารละลายโซเดียวไฮดรอกไซด
์ แล้วทดสอบด้วยสารละลายเบเนดิกต์
ปรากฏว่า น้ำตาลซูโครส และ น้ำแป้งมีตะกอนสีส้มแดงหรือสีแดงอิฐเกิดขึ้น
แสดงว่ากรดไฮโดรคลอริกทำให้น้ำตาลซูโครสและแป้งแตกตัวเป็นน้ำตาลโมเลกลุเดี่ยวได้
1.1.1
น้ำตาล
ร่างกายย่อยสลาย
และ ดูดซึมได้ง่าย เช่น
-
กลูโคส ( Glucose ) เด็กซ์โทรส
น้ำตาลองุ่น ( Grape Sugar )
-
ฟรุคโตส ( Fructose ) หรือ น้ำตาลผลไม้
( Fruit Sugar ) พบในผลไม้และน้ำผึ้ง
-
กาแลคโตส ( Galactose ) ไม่ปรากฎอิสระในธรรมชาติ
แต่มีสูตรโครงสร้างแตกต่างกัน
การทดสอบน้ำตาลกลูโคส
ทดสอบโดยใช้สารละลายเบเนดิกต์
( Benedict s solution ) เติมลงในสารที่ต้องการทดสอบ
นำไปต้ม ถ้าเป็น กลูโคส จะเปลี่ยนสี จากสีฟ้าเป็นตะกอนสีส้มอิฐ
ข.
น้ำตาลเชิงคู่ ( Disaccharide
ร่างกายเมื่อได้รับจะไม่สามารถใช้ได้ทันที
ต้องเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวก่อน ได้จากการรวมตัวของน้ำตาลเชิงเดี่ยว
2 โมเลกุลและเกิดการควบแน่นได้น้ำ 1
โมเลกุล
ตัวอย่าง -
ซูโครส ( Sucrose ) หรือ น้ำตาลทราย
น้ำตาลอ้อย หรือ น้ำตาลหัวผักกาดหวาน
ประโยชน์ใช้ทำลูกอม เป็นสารถนอมอาหาร
ได้จากน้ำตาลเชิงเดี่ยว 2 ตัว ดังสมการ กลูโคส
+ ฟรุคโตส ซูโคส
+ น้ำ
-
มอลโตส ( Maltose ) หรือ
น้ำตาลมอลล์ มีในข้าวบาร์เลย์ หรือ ข้าวมอลล์
ที่กำลังงงอกประโยชน์ ใช้ทำเบียร์
ทำเครื่องดื่ม และอาหารเด็ก ได้จากน้ำตาลเชิงเดี่ยว
2 ตัว ดังสมการ กลูโคส
+ กลูโคส มอลโตส
+ น้ำ
-
แลคโตส ( Lactose ) หรือ
น้ำตาลนม ผลิตภัณฑ์จากต่อมน้ำนมของสัตว์
ประโยชน์ใช้ทำขนมปัง อาหารเด็กอ่อน ได้จากน้ำตาลเชิงเดี่ยว
2 ตัว ดังสมการ กลูโคส
+ กาแลคโตส แลคโตส
+ น้ำ
1.
น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวและโมเลกุลคู่ในปริมาณน้ำหนักต่อโมลเท่าๆ
กัน จะมีความหวานต่างกัน ฟรุกโทส เป็นน้ำตาลตามธรรมชาติที่มีความหวานมากที่สุด
ฟรุกโทสมีรสหวานมากกว่าซูโครส ส่วนซูโครสมีรสหวานมากกว่ากลูโคสและมอลโทส
ในองุ่นมีกลูโคสอยู่มาก ฟรุกโทสมีมากในน้ำผึ้ง
ซูโครสพบมากในอ้อยและหัวบีท นอกจากนี้นผลไม้ที่มีรสหวานเกือบทุกชนิดจะมีซูโครสอยู่ด้วย
ส่วนมอลโทสพบในข้าวมอลล์ที่กำลังงอก 2.
ซูโครส เป็นน้ำตาลโมเลกุลคูที่ร่างกายดูดซึมได้
ก่อนที่ร่างกายจะนำไปใช้ ซูโครสจะถูกเอนไซม์ในลำไส้ย่อยให้สลายตัวเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
คือ กลูโคสและฟรุกโทส แล้วร่างกายจึงนำไปใช้
1.1.2
แป้งและเซลลูโลส สรุปได้ว่าทั้งแป้งและเซลลูโลส
ต่างประกอบด้วยโมเลกุลของกลูโคสจำนวนมากมายนับพันโมเลกุล
แต่สารทั้งสองมีสมบัติต่างกัน เนื่องจากโครงสร้างไม่เหมือนกัน
พวกที่ไม่ใช่น้ำตาล
เป็นคาร์โบไฮเดรตทีไม่มีรสหวาน และไม่ละลายน้ำ
เรียกว่า คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ( Polysaccharide
) ตัวอย่าง
เช่น แป้ง ไกลโคเจน
เซลลูโลส ไคติน -
แป้ง พบในเมล็ด ราก หรือหัว และใบของพืข
เช่น ข้าว มัน เผือก กลอย -
ไกลโคเจน มีในร่างกายมนุษย์ถูกสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ
เมื่อร่างกายขาดแคลน เปลี่ยนเป็นกลูโคสได้ กลูโคส
ไกลไคเจน -
เซลลูโลส พบที่ผนังเซลล์ของพืชทุกชนิด
เอนไซม์ในร่างกายมนุษย์ย่อยไม่ได้ แต่ช่วยเพิ่มกากอาหร -
ไคติน เป็นสารที่พบในเปลืองกุ้ง และ
แมลง
ส่วนของพืชที่ประกอบด้วย
แป้ง ได้แก่ เมล็ด ราก และลำต้นใต้ดิน
ส่วนของพืชที่ประกอบด้วยเซลลูโลส คือ โครงสร้างเกือบทั้งหมดของพืช
โดยเฉพาะที่เปลือก ใบ และเส้นใยที่ปนในเนื้อผลไม้ ข้าวที่หุงดิบๆ
สุกๆ หรือ ข้าวโพดดิบ เมื่อกินเข้าไปแล้วอาจมีอาการท้องอืด
ท้องเฟ้อ เพราะแป้งย่อยสลายเป็นกลูโคสได้ยาก ในร่างกายของมนุษย์ไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยอาหารของสัตว์ที่กินพืชจะมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวจำพวกโปรโตชัวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
โปรโตซัวเหล่านี้สามารถปผลิตเอนไซม์ออกมาย่อยสลายเซลลูโลสให้เป็นกลูโคสได้
สัตว์จำพวกดังกล่าว เช่น วัว ควาย ปลวก
จึงสามารถใช้ประโยชน์จากเซลลูโลสได้ ไกลโคเจน
ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทแป้งที่สะสมในร่างกาย
คนและสัตว์
การทดสอบแป้ง ทดสอบโดยใช้สารละลายไอโอดีน
มีสีเหลือง น้ำตาล ถ้าเป็นแป้ง
และเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม หรือ ม่วงดำ
หน้าที่และประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรต
1.
ให้พลังงานและความร้อน ( 1 กรัม
ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ ) 2.
ช่วยสงวนโปรตีนให้ร่างกายนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์มากที่สุด 3.
คาร์โบไฮเดรตที่เหลือใช้ เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้
|