ดอกไม้ในวรรณคดี
สร้างโดย : นางพิสมัย ศุภพงษ์
สร้างเมื่อ พฤ, 09/10/2008 – 11:41
มีผู้อ่าน 428,085 ครั้ง (25/10/2022)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/16888
ดอกไม้ในวรรณคดี
ดอกไม้ในวรรณคดีไทย หมายถึงดอกไม้ที่บรรดากวีไทยท่านได้พรรณาไว้เป็นบทร้อยกรองอย่างไพเราะในหนังสือวรรณคดี เช่น รามเกียรติ์ อิเหนา เงาะป่า ดาหลัง ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี บทเห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลงนิราศทองแดง นิราสหริภุญชัย นิราศพระประธม นิราศสุพรรณ นิราศเมืองแกลงนิราศภูเขาทอง นิราศอิเหนา นิราศเจ้าฟ้าลิลิตพระลอ และลิลิตตะเลงพ่าย
เป็นความสามารถเฉพาะตัวของกวีไทย ที่ได้พรรณาชื่อดอกไม้หลายชนิดไว้อย่างไพเราะ ทั้งลักษณะ สีสัน กลิ่น ทำให้ผ้อ่านเกิดมโนภาพ ประทับใจ เหมือนได้ไปอยู่ ณ ที่ด้วย หวังว่าสิ่งที่เรียบเรียงมาคงจะเป็นประโยชน์และเกิดความประทับใจกับการพรรณาของกวีไทยบ้าง
ดอกไม้ในวรรณคดี
ชื่อดอกไม้ | วรรณคดีที่กล่าวถึง | ถิ่นกำเนิด |
กระดังงา | รามเกียรติ์ นิราศกลาง | ไทย ฟิลิปปินส์ |
กาหลง | รามเกียรติ์ อิเหนา บทเห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย นิราศขุนช้างขุนแผน พระอมัยมณี | ไทย พม่า |
แก้ว | รามเกียรติ์ อิเหนา ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย ขุนช้างขุนแผน | ไทยพม่า |
กุหลาบ | รามเกียรติ์ มัทนะพาธา พระอภัยมณี อิเหนา | ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา |
จำปี | รามเกียรติ์ เงาะป่า ลิลิตตะเลงพ่าย ขุนช้างขุนแผน | ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย |
จำปา | รามเกียรติ์ อิเหนา เงาะป่า | ไทย จีน มาเลเซีย อินเดีย |
ชงโค | รามเกียรติ์ อิเหนา ลิลิตตะเลงพ่าย | จีน อินเดีย |
ช้องนาง | รามเกียรติ์ ลิลิตพระลอ | ทวีปแอฟริกา |
นางแย้ม | รามเกียรติ์ อิเหนา ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย | ไทย พม่า อินโดนีเซีย |
ดอกกรรณิการ์
“…กรรณิการ์ ก้านสีแดงสด
คิดผ้าแสดติดขลิบนาง
เห็นเนื้อเรื่อโรงราง
ห่มสองบ่าอ่าโนเน่…”
วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง “นิราศธารโศก”
ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Nyctanthes arbor – tristis
ชื่อสามัญ : Night Jasmine
ชื่อวงศ์ : Verbenaceae
- กรรณิการ์เป็นพุ่มไม้ขนาดเล็ก สูงประมาณ ๑ – ๒ เมตร ใบสากคาย ขอบใบเป็นจักตื้น ๆ และใบออกทิศทางตรงข้ามกัน
- ดอกสีขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ลักษณะคล้ายดอกมะลิ แต่มีขนาดกลีบแคบกว่า ปลายกลีบมี ๒ แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โคนกลีบติดกันเป็นหลอดสีส้มสด ดอกบานส่งกลิ่นหอมในเวลากลางคืน และจะร่วงในเช้าวันรุ่งขึ้น
- ผลมีลักษณะกลมแบน ขณะอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่เป็นสีดำ
- การขยายพันธุ์ ใช้ตอนกิ่ง
- ทางด้านสมุนไพร เปลือกให้น้ำฝาด เปลือกชั้นในเมื่อผสมกับปูนขาวจะให้สีแดง ดอกมีน้ำมันหอมระเหยที่กลั่นได้ เช่นเดียวกับมะลิ ส่วนของดอกที่เป็นหลอด สกัดเป็นสีย้อมผ้าไหม ใบใช้แก้ไข้และโรคปวดตามข้อ น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาระบาย และเป็นยาขมเจริญอาหาร
บุนนาค
“….พิกุลบุนนาคมากมี
ตามทางหว่างวิถีสีขาวสด
ชมพลางทางเร่งรีบรถ
เลียบตามบรรพตคีรี…”
วรรณคดี : “อิเหนา” ตอนท้าวปันจะรากันไปในพิธีอภิเษกสังคามาระตา
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Mesua ferrea, L.
ชื่อสามัญ : Indian Rose Dhestnut, Iron Weed
ชื่อวงศ์ : Guttiferae
ชื่ออื่น ๆ : นาคบุตร
- บุนนาคเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ ทรงพุ่มยอดแหลม ออกดอกในฤดูหนาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับทิศทางกัน มีลักษณะเป็นกระจุกใหญ่ตรงกลาง บางต้นกลีบดอกออกสีชมพูเรื่อ ๆ เมื่อดอกบานเต็มที่มีขนาด ๕ – ๗.๕ เซนติเมตร หลังจากดอกโรยจะติดเมล็ด
- การขยายพันธุ์ นิยมใช้วิธีตอนกิ่ง หรือเพาะเมล็ด
- คุณค่าทางสมุนไพร ใช้เกสรผสมยาหอมบำรุงหัวใจ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้วิงเวียนเป็นยาชู้กำลัง ฯลฯ
ผกากรอง
“…มะลิวัลย์พันระกำขึ้นแกมจาก
ได้สามวันกรรมพรากไปจากห้อง
จำปีเคียงโศกระย้า ผกากรอง
พี่โศกเศร้าเฝ้าตรองกว่าสองปี…”
วรรณคดี : “ขุนช้างขุนแผน”
ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Lantana camara, L.
ชื่อสามัญ : Cloth of Gold, Hedge Flower, Weeding Lantana
ชื่อวงศ์ : Verbenaceae
ชื่ออื่น ๆ : ก้ามกุ้ง เบญจมาศป่า ขะจาย ขี้กา คำขี้ไก่ เบ็งละมาศ ไม้จีน
- ผกากรองเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ ๒ – ๖ ฟุต ขึ้นได้ในดินทุกชนิด ชอบแล้งมากกว่าแฉะ ชอบแสงแดดจัด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อดูดอกเพราะผกากรองให้ดอกสวยและดกตลอดปี ใบเป็นรูปไข่ ริมใบหยักเป็นจัก ใบคายสากมือ มีกลิ่นเหม็น
- ดอกมีขนาดเล็กออกเป็นกระจุก ขนาดโตประมาณ ๑ – ๑.๕ นิ้ว มีหลายสี เช่น เหลืองอ่อน แดง ขาว ม่วง ชมพู เหลืองเข้ม
- การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด หรือตัดกิ่งปักชำ
- สรรพคุณทางสมุนไพร ใบตำพอกแผล ฝีพุพอง ใบต้มน้ำอุ่นอาบ หรือแช่แก้โรคปวดข้อ
พิกุล
“…เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ
ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า
อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา
สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน…”
วรรณคดี : “ขุนช้างขุนแผน”
ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Mimusope elengi, L.
ชื่อสามัญ : Bullet Wood
ชื่อวงศ์ : Sapotaceae
- พิกุลเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง กิ่งก้านค่อนข้างแจ้ แบน คล้ายต้นหว้า มีพุ่มใบแน่น เหมาะสำหรับปลูกไว้บังแดดตอนบ่าย ดอกมีกลิ่นหอม ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม ปลายแหลมมน มีขนาดใบกว้างประมาณ ๗ ซ.ม. ยาวประมาณ ๑๕ ซ.ม. เส้นกลางใบด้านท้องใบนูน ก้านใบยาวประมาณ ๓ ซ.ม.
- ดอกออกเป็นช่อ เป็นกระจุก ดอกมีขนาดเล็กกว้างประมาณ ๑ ซ.ม. กลีบดอกเล็กแคบยาวเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มองดูริมดอกเป็นจักเล็ก
- ผลกลมโตคล้ายละมุดสีดา แต่เล็กกว่าเล็กน้อย ผลสุกสีแดงแสด ใช้รับประทานได้ รสฝาดหวานมัน
- การขยายพันธ์ ใช้เพาะเมล็ด หรือ ตอนกิ่ง
- ทางด้านสมุนไพร เปลือกใช้ต้มเอาน้ำอมเป็นยากลั้วล้างปาก แก้ปากเปื่อย ปวดฟัน ฟันโยกคลอน เหงือกบวม เป็นยาคุมธาตุ ดอกแห้งใช้ป่นทำยานัตถุ์ แก้ไข้ ปวดศรีษะ เจ็บคอ แก้ปวดตามร่างกาย แก้ร้อนใน เมล็ดตำละเอียดปั้นเป็นยาเม็ดสวนทวาร
สุพรรณิการ์
“…เล็บนางงามแสล้ม
ต้นนางแย้มแกมดองดึง
สุพรรณิกากากระทึง
ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร…”
วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง “ นิราศธารทองแดง”
ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ “เจ้าฟ้ากุ้ง”
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Cochlospermum religiosum
ชื่อสามัญ : Yellow Slik-Cotton Tree, Butter-Cup Tree
ชื่อวงศ์ : Bixaceae
- สุพรรณิการ์มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “ฝ้ายคำ” เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๓ -๗ เมตร ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด ชอบแสงแดดจัด ออกดอกหลังจากใบร่วงหมดในราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
- ใบมีลักษณะมน ขอบเว้าเป็น ๕ แฉก กว้างประมาณ ๖ นิ้ว ยาวประมาณ ๘ นิ้ว ท้องใบมีขนอ่อน
- ดอกใหญ่มี ๕ กลีบ สีเหลืองสด กลีบดอกงุ้มเข้าหากันคล้ายถ้วย ดอกมีขนาดกว้างประมาณ ๕ นิ้ว กลางดอกมีเกสรตัวผู้มากมาย เมื่อดอกโรยจะติดผล
- ผลมีลักษณะกลมรี ภายในผลมีเมล็ดมีปุยคล้ายปุยฝ้าย
- การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด
การเวก
“…สามกษัตริย์เที่ยวชมบุปผชาติ ดอกดกเดียรดาษในสวนขวัญ
เกดแก้วพิกุลแกมพิกัน จวงจันทร์ลำดวนกระดังงา…”
วรรณคดี : “รามเกียรติ์”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Artabotrys siamensis
ชื่อสามัญ : Artabotrys
ชื่อวงศ์ : Annonaceae
ชื่ออื่น ๆ : กระดังงาเถา กระดังงัว
- การเวกเป็นไม้เถาขนาดกลางถึงใหญ่ เนื้อไม้แข็ง มักพบตามป่าชื้นทั่ว ๆ ไปนิยมปลูกให้เลื้อยเป็นไม้ซุ้มตามเรือนต้นไม้ หรือซุ้มประตู ใบร่มทึบ อายุยืนมาก ออกดอกตลอดปี ขึ้นได้ดีในทุกที่ทุกแห่งที่มีความชื้นพอสมควร ชอบอยู่กลางแจ้ง ลำต้นอาจมีขนาดโคนต้นใหญ่ ๘ – ๑๒ นิ้ว ลำต้นมีผิวเปลือกค่อนข้างเรียบ สีเทาอมดำหรือน้ำตาล มีกลิ่นเหม็นเขียวเพราะมีต้นน้ำมันกระจายอยู่ ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวจัด เป็นมัน รูปมนรี ปลายแหลม ยาวประมาณ ๖ – ๗ นิ้ว แต่กว้างกว่ากระดังงา
- ดอกอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นขาว เหลืองอ่อน จนแก่จัดมีสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอมรุนแรงและส่งกลิ่นไปได้ไกล ดอกเป็นกลีบเรียวยาวแยกจากกัน ๖ กลีบ ดอกใหญ่กว่าและกลีบดอกหนากว่ากระดังงา เมื่อดอกแก่จะร่วงเป็นผล
- ผลมีลักษณะกลมรี เป็นพวง สีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม เมื่อผลแก่จัดภายในผลแก่มีเมล็ดสีดำเป็นเมือก ๆ
- การขยายพันธุ์ นิยมใช้กิ่งตอน เพราะโตเร็วกว่าการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
กระพ้อ
“…กระพ้อเงาะระงับกระจับบก
กระทกรกกระลำพอสมอไข่
ผักหวานตาลดำลำใย
มะเฟืองไฟไข่เน่าสะเดานา…”
วรรณคดี : “ขุนช้างขุนแผน” ตอนขุนแผนลุแก่โทษ
ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Passiflora foetida, L.
ชื่อสามัญ : Stinking – Passion Flower
ชื่อวงศ์ : Passifloraceae
ชื่ออื่น ๆ : หญ้ารกช้าง กระโปรงทอง เถาสิงโต
- กระทกรกเป็นไม้ประเภทเถาเลื้อย เถาเล็กสีเขียว ใบเป็นใบเดี่ยว แยกเป็น ๓ แฉกคล้ายใบตำลึง ยาวประมาณ ๖ – ๗ ซ.ม. แผ่นใบมีขนละเอียดปกคลุมจับนุ่มมือออกเป็นข้อ ๆ ละใบสลับข้างกัน ก้านใบมีขนเห็นได้ชัด หูใบมีลักษณะเป็นแผ่น ปลายจักแหลม ๆ ขนาบอยู่ที่ฐานก้านใบ ระหว่างฐานใบกับลำต้นมีมือเกาะลักษณะเป็นเส้นม้วนงอ สำหรับเกาะให้เลื้อยขึ้นไปตามรั้วหรือต้นไม้อื่นที่อยู่ใกล้เคียง
- ดอกเป็นดอกเดี่ยว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๒ – ๓ เซนติเมตร มีกาบใบเป็นฝอยร่างแห ๓ กาบ กลีบเป็นเส้นฝอยละเอียดสีขาว วงในเป็นสีม่วง บอกในช่วงเช้าดอกออกตามซอกระหว่างก้านใบกับลำต้น เมื่อดอกโรยจะติดผล
- ผลมีลักษณะกลมเป็นพู มีกาบใบเจริญเติบโตตามผลหุ้มผลไว้ผลหนึ่ง ๆ มีหลายเมล็ด ออกดอกตลอดปี ผลรับประทานเล่นได้
กุหลาบ
“…เที่ยวชมแถวขั้นรุกขชาติ
ดอกเกลื่อนดกกลาดหนักหนา
กาหลงกุหลาบกระดังงา
การะเกดกรรณิการ์ลำดวน…”
วรรณคดี : “รามเกียรติ์”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Rosa damascema, Mill.
ชื่อสามัญ : Damask Rose, Persia Rose, Mon Rose
ชื่อวงศ์ : Rosaceae
- กุหลาบมอญเป็นไม้ดอกประเภทไม้พุ่มผลัดใบ ลำต้นตั้งตรง กิ่งก้านมีหนาม พุ่มสูงประมาณ ๒ – ๓ เมตร อายุยืน แข็งแรง เป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดอย่างน้อยวันละ ๖ ชั่วโมง จึงควรปลูกในที่โล่งแจ้งแต่ควรเป็นที่อับลม ขึ้นได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พอ ชอบน้ำ แต่ไม่ชอบน้ำขัง ดินจึงต้องระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศร้อนในตอนกลางวัน และอากาศเย็นในตอนกลางคืน กุหลาบมอญนี้ถือได้ว่าเป็นกุหลาบพื้นเมืองของไทย ใบเป็นใบประกอบชนิดขนนก มีหูใบ ๑ คู่ มีใบย่อย ๓ – ๕ ใบ ในก้านช่อใบหนึ่ง ๆ ใบจัดเรียงแบบสลับ ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีรอยย่นเล็กน้อย ขอบใบเป็นจักละเอียด เส้นกลางใบด้านท้องใบมีหนามห่าง ๆ
- ดอกมีลักษณะค่อนข้างกลม กลับดอกเรียงซ้อนกันหลายชั้น วนออกนอกเป็นรัศมีโดยรอบ ดอกมีสีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม ดอกมักออกเป็นช่อ ทางปลายกิ่ง กลีบดอกมีลักษณะปลายแหลมเรียว
- การขยายพันธ์ใช้วิธีตอนกิ่ง
ช้องนาง
“นาเวศเคลื่อนคล้อยคลา ล่วงลอยตามชลธาร
ชมไม้ในอุทยาน บานเกลื่อนกล่นหล่นเรี่ยราย
ช้องนางนางคลี่ไว้ คิดทรามวัยเคยสรงสยาย
กลิ่นร่ำน้ำอบอาย ไม่วายว่างห่างหอมเอยฯ”
(กาพย์เห่เรือ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Thunbergia repens Linn.
ชื่อภาษาอังกฤษ Bush Clock Vine
- ช้องนางเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอาฟริกา เป็นไม้พุ่มเตี้ย แตกกิ่งก้านหนาแน่นใบมนปลาย ใบแหลม
- ดอกมีสีม่วงเข้ม รูปกรวยปากแตร มีกลีบ ดอก 5 กลีบ ออกดอกได้ตลอดปี สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในที่รำไรและกลางแจ้ง
- ขยายพันธุ์ได้โดยการตัดชำหรือการตอน
แหล่งข้อมูล
- http://www.geocities.com/thaiflowers_2000/
- http://www.student.chula.ac.th/~47437567/webpage/fl1.htm
- http://www.panmai.com/
- http://www.panmai.com/GardenSong/GardenSong.htm
- http://www.panmai.com/GardenSong/GardenSong.htm
- http://www.school.net.th/library/create-web/10000/literature/10000-6466.html