supatkul Avatar

สร้างโดย : สุพัฒน์กุล ภัคโชค
สร้างเมื่อ พฤ, 26/05/2554 – 19:54

พม่า…ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา (มัณฑะเลย์-พุกาม-ย่างกุ้ง)
โปรแกรม 4 วัน 3 คืน 19-22 พฤษภาคม 2554

  • ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ สะพานไม้สักอูเบน สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ที่เมืองมัณฑะเลย์
  • นั่งรถเกวียนเทียมวัวชมเจดีย์มญาเธียรดาร “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดี”
  • นมัสการพระมหามัยมุนี ต้นแบบพระพุทธรูปทองคำทรงเครื่องกษัตริย์
  • ชมทะเลเจดีย์กว่า 4 พันองค์ที่เมืองพุกาม
  • นั่งรถม้าชมพระอาทิตย์อัสดงที่มิงกาลาเจดีย์ ชมทุ่งทะเลเจดีย์ในมุม 360 องศา
  • นมัสการพระมหาเจดีย์ทองคำคู่เมืองพม่า “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง” ที่เมืองย่างกุ้ง
  • ตื่นตากับเครื่องทองคำโบราณในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
  • ถ่ายทอดเรื่องราวตลอดการเดินทาง กับกูรูด้านประวัติศาสตร์ อ.เผ่าทอง ทองเจือ

วันที่ 1: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2554 กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง – มัณฑะเลย์

07.15 น.  พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 3 เคาน์เตอร์ F สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
              หลังจากผ่านขบวนการทางศุลกากรแล้ว เชิญเข้าใช้บริการห้องพักผู้โดยสาร VIP LOUNGE ของสายการบิน
              ++ ผู้โชคดีร่วมเดินทางพบปะทักทายกัน รับซองเอกสารสำหรับการเดินทาง เข็มกลัดประจำกาย(เพื่อแยกรถ รถมี 2 คัน) เซ็นชื่อในเอกสารต่างๆ โหลดกระเป๋า ถ่ายรูป แต่ละท่านพูดคุยถามถึงการฝ่าฟันกิจกรรมโหวตผ่าน facebook
              ++ แอบเมียงมองหาที่แลกเงินจ๊าด (ไม่มีแฮะ)
              ++ รองท้องก่อนเดินทาง @ VIP LOUNGE ของบางกอกแอร์เวย์ส บางท่านก็ชอปปิ้งกันระหว่างรอเดินทาง
              ++ ผู้ร่วมเดินทางในทริปนี้กว่า 50 ท่าน นำโดย อ.เผ่าทอง ทองเจือ (อ.แพน), คุณยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ (ป้าแจ๋ว) และน้อง, คุณพรต เสตสุวรรณ (บางกอกแอร์เวย์ส), ทีมงาน AIS Serenade, ทีมงาน Bangkok Travel Club, ลูกค้า AIS Serenade องค์กร และบุคคลผู้โชคดี

09.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบิน PG 701 (เวลาท้องถิ่นพม่าช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที)
              ++ บ๊าย บาย Thailand

10.05 น. ถึงสนามบินนานาชาติ เม็งกะลาดง เมืองย่างกุ้ง หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
             ชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพม่า (ห้ามถ่ายรูป ห้ามนำกระเป๋าที่ขนาดใหญ่กว่ากระเป๋าสตางค์เข้าไป)
              – ชมโบราณวัตถุสมัยพุกาม บัลลังก์ทองของพระเจ้าสีป่อ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ก่อนตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
              – ชมเครื่องทองคำ เช่น แจกัน พาน หรือ แม้กระทั่งรองเท้า (มีแตะหนีบทองคำด้วยล่ะ)
              ++ เมงกะลาบา(สวัสดี) ประเทศพม่า
                   ถึงสนามบิน ก็มีฝนโปรยปราย (สนามบิน ok ผ่าน)
                   นั่งรถบัสผ่านสถานที่ต่างๆ  (ผ่านสถานทูตไทยประจำพม่าด้วย)
                   ชาวบ้านบางส่วนยังคงนุ่งโสร่ง(ชาย) ผ้าถุง(หญิง) แต่มีไม่มากนัก
                   ระหว่างทางมี Snack Box ให้อีกคนละ 1 กล่อง (ยังอิ่มอยู่เลย แนะนำว่าถ้าไม่ทานให้เก็บไว้ มีเด็กๆ รอขอขนมจากเราอยู่)
                   ได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ๆ อย่าเช่น จี้กระดอธรรมดา แปลว่า ท่านผู้หญิง (555 มิได้ทะลึ่งแต่อย่างใด)
                   ไกด์ท้องถิ่น (รถบัสคันที่ 1 ชื่อ คุณบุญ 007 ต้องมี 007 นะไม่งั้นผิดคนแน่นอน) มีบริการแลกเงินราคาซองละ 1,000 บาท ได้ 25,000 จ๊าด 

คุณบุญ 007
มีฝนตกเล็กน้อย
ป้ายทะเบียนรถ

 สภาพจราจรคล่องตัว ขับรถชิดขวา (เดิมขับรถชิดซ้าย แต่เคยถูกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และไม่ชอบอังกฤษ จึงขับรถชิดขวา)

  บนข้างทางมีป้ายโฆษณาทั่วไป แอบเห็นป้ายโฆษณาสุขภัณฑ์ของ SCG ด้วย

นี่น่าจะเป็นป้อมตำรวจ
ผ่านพระมหาเจดีย์ชเวดากอง
(พวกเราจะมาสักการะในวันที่ 4 ของทริปนี้)

12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

              ++ อาหารมื้อแรกก็อร่อยแล้ว ได้ยินว่าแม้แต่ผู้ใหญ่ในไทยก็ต้องไปที่ร้านนี้กันทั้งนั้น แต่ทุกคนอิ่มกัน เพราะเพิ่งทานมาจากที่ LOUNGE อาหารบนเครื่อง และ Snack box (ตอนนั้นกลัวหิวกันไว้ก่อน) แถมทางเอไอเอสยังหวังดีกลัวว่าพวกเราจะนั่งเบียดกัน จึงจัดให้โต๊ะละ 7 ที่ (แล้วใครจะช่วยกันรับผิดชอบจานไหนละเนี่ย) เน้นทานกับข้าวเยอะๆ เพราะข้าวที่บ้าน (เมืองไทย) มีทานแล้ว

และยังมี พุดดิ้ง หรือเฉาก๋วย ทั้งคู่กลิ่นเหมือนยาอีกคนละ 1 ถ้วย
นอกจากนั้นทาง AIS ยังได้จัดให้มีน้ำจิ๋มซีฟู๊ด และน้ำพริก Import จากเมืองไทยไปอีก

15.45 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบินแอร์บากัน เที่ยวบินที่ W9 109

              ++ กลับมาที่สนามบินอีกครั้ง แต่เป็นสนามบินภายในประเทศ อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสนามบินนานาชาติ แต่…สภาพต่างกันราวฟ้ากับเหว ทุกคนต้องติดสติ๊กเกอร์รูปดอกบัวที่ไม่ค่อยแต็มดอกบัวไว้ที่แขน (ติดทำไมนะ) เจ้าหน้าที่แจก Boarding pass (ไม่มีชื่อระบุว่าของใคร อย่างกับตั๋วผ่านประตูดรีมเวิล์ด) 
              ++ ห้องน้ำจะน้ำหมดเป็นบางครั้ง แล้วแต่ผู้โชคดี จะมีเจ้าหน้าที่คอยตักน้ำจากถังมาราดให้นะจ๊ะ มีเจ้าหน้าที่ยื่นทิชชู่ให้พร้อมก่อนเข้าไปห้องน้ำ พอออกมาล้างมือเสร็จก็มีทิชชู่ให้เช่นกัน แหมดีจริงๆๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ แปบเดียวเขาก็สะกิดให้เราดูตะกร้าสำหรับเก็บเงิน (จ่ายทิปหรอ หุหุ หนีดีกว่า)
              ++ มีเก้าอี้หลากสีสันให้นั่งคอยระหว่างรอขึ้นเครื่อง คนไทยแต่ละคนเลือกมุมถ่ายรูป เฮฮากันจนพม่ามอง

              ++ และแล้วก็ได้ขึ้นเครื่องไปเมืองมัณฑะเลย์ กันซักที เครื่องบิน OK ชิวๆๆ เดินทาง พอเครื่องขึ้นซักพัก แอร์โฮศเตสก็สาธิตการใช้งานอุปกรณ์ที่จำเป็น บริการอาหาร (อีกแล้วหรอ กลับไป AIS คงต้องจองคอร์สลดความอ้วนให้ด้วย) และแล้วเครื่องก็ลงจอด ถึงแล้ว เย้ๆๆๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ เขาเป็นเที่ยวบินวนรอบน่ะ ลงที่สนามบิน HEHO ก่อน เพื่อส่งคนลงและให้ผู้โดยสารใหม่ขึ้น รอนานมาก กัปตันแจ้งว่าให้รอซักครู่ อากาศยังไม่เหมาะสำหรับขึ้นบินอีกครั้ง (คิดในใจ อากาศก็ดูปกติดี สงสัยรอคนโบกขึ้นจนเต็มลำก่อนสิถึงจะขึ้นเนี่ย)

16.15 น. ถึงเมืองมัณฑะเลย์ หรือเมืองอมรปุระในอดีต แล้วเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง (ระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร) นำคณะฯ ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ สะพานไม้สักอูเบน มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นจากไม้สักเก่าแก่ และยาวที่สุดในโลก อายุมากกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมัน เสาของสะพานทุกต้นเป็นไม้สักทั้งหมด โดยรื้อถอนมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ จำนวน 1,208 ต้นเมื่อครั้งย้ายราชธานีจากอังวะ มาอมรปุระ

              ++ ถึง เมืองมัณฑะเลย์ สภาพถนนขรุขระตลอดทาง ตลอดทางมีเจดีย์ วัดวาอารามต่างๆ บ้านเรือน
              ++ เมืองอมรปุระ อ่านว่า อะ-มะ-ระ-ปุ-ระ ไม่ใช่ อมร-ปุ-ระ นะ

ด่านเก็บค่าผ่านทาง
(ทางที่ผ่านมาขรุขระตลอด ยังจะเก็บตังอีกหรอเนี่ย)
ป้ายบอกทางไปไหนซักอย่าง
ร้านขายเครป

             ++ ด้วยความใจดีของพี่แอ๋ว AIS แทนที่เราจะได้ชมสะพานไม้สัก ถ่ายรูปสะพานเพียงอย่างเดียว เอไอเอสใจดีแถมนั่งเรือพายชมวัด… อะไรจำไม่ได้ก่อนกลับมาถ่ายรูปสะพานไม้สักตอนพระอาทิตย์ตก รู้แต่ว่ามีจิตรกรรมฝาผนังที่วาดโดยคนไทยสมัยอยุธยา เมื่อสมัยที่ต้องตกมาเป็นเชลยของพม่าด้วย

               ++ จากคนสวยคนหล่อเมื่อตอนออกจากประเทศไทย ตอนนี้เริ่มร้อน เต็มไปด้วยเหงื่อ หน้ามันซักเล็กน้อย (โทรมละไม่ไหวๆๆ)
                    ถึงวัดด้วยการผจญภัยเล็กน้อยกับการหลบกับระเบิด (อึ ของวัวควายชาวบ้าน) และน้ำที่เจิ่งนองเป็นหย่อมๆ

จิตรกรรมฝาผนังฝีมือชาวสยาม
บทสวดมนต์ เหมือนกับบ้านเรา

พม่ารับศาสนาพุทธมาจากประเทศอินเดีย ส่วนไทยเรารับมาจากศรีลังกา

ที่นั่นมีรอยปากกาลบคำผิดจารึกชื่อไม่ต่างจากประเทศไทย
คาดว่าจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในอีกพันปีข้างหน้า (555)

                ++ ไหว้พระ ทำบุญกันก่อนออกจากวัด พระอาทิตย์กำลังตกดิน ระหว่างกลับจึงได้ชมบรรยากาศสวยๆ ที่พม่า
                      เมื่อถึงฝั่งก็นำขนมที่เราทานกันไม่ไหวแจกเด็กๆ แถวนั้น
                      และทุกคนก็ได้ไปถ่ายรูปกับสะพานไม้สักที่มียาวที่สุด

จะมองเห็นสะพานไม้สักอยู่ลิบๆ

 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน จากนั้นเช็คอินเข้าสู่ที่พัก ระดับ 5 ดาว ณ โรงแรม SEDONA

              ++ เมื่อถึงห้องพักก็ได้พบกับการ์ดใบน้อยที่แสดงความยินดีกับการร่วมทริปครั้งนี้ของทุกท่าน พร้อมร่ม และพัด จากเอไอเอส
                   ในห้องน้ำมีคำเตือน ห้ามดื่มน้ำจากก๊อกน้ำด้วย (อาจท้องเสียได้) 
                   ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มียุงเยอะมาก ระวังด้วย
                   และยังถูกอำก่อนเข้านอนถึงเจ้าถิ่นที่ล่องลอยอยู่ทั่วเมืองเก่า กว่า 2,000 ปี ยิ่งกว่า ลัดดาแลนด์อีก (อึ๊ยส นอนดีกว่า)
                   เก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางไปพุกามตอนบ่ายวันที่สอง (เพิ่งจะได้เปิดกระเป๋าต้องเก็บอีกละ)

วันที่ 2: วันศุกร์ ที่ 20 พฤษภาคม 2554 มิงกุน – มัณฑะเลย์ –พุกาม

โรงแรม SEDONA
พระราชวังมัณฑะเลย์ (ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมที่พัก)
ยามเช้า ชาวพม่าก็ออกมาออกกำลังกายกัน (ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมที่พัก)

 เช้า        ล่องเรือตามลำน้ำอิระวดีไปยังเมืองมิงกุน ระหว่างทางชมความงามของลำน้ำ และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านตลอดสองฝั่ง 
             รับประทานอาหารเช้า ข้าวกล่องจากโรงแรม

วิธีการขึ้นเรือ
พม่าจะนำไม้มาวางพาดเป็นทางเดิน และมีราวไม้ไผ่ที่ทั้งสองด้านถูกคนจับราวไว้

             เมื่อถึงเมืองมิงกุน
              – ชมเจดีย์มิงกุน ที่พระเจ้าปดุง หวังที่จะสร้างให้สูงกว่าพระปฐมเจดีย์
              – ชมระฆังยักษ์หนัก 90 ตัน ซึ่งเป็นระฆังที่ยังตีได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วนั่งรถเกวียนเทียมวัว
              – ชมเจดีย์มญาเธียรดาร สักขีพยานแห่งความรักของราชนิกุลพม่า ที่ได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดี”
             แล้วล่องเรือกลับมายังมัณฑะเลย์ นำท่าน
              – ชมพระราชวังมัณฑะเลย์ รอยอดีตสุดท้ายก่อน “พม่าเสียเมือง”นำชมวิหารชเวนันดอว์ เป็นวิหารไม้สักทองทั้งหลัง เคยเป็นที่ประทับนั่งสมาธิของพระเจ้ามินดง พระราชบิดาของพระเจ้าสีป่อ จนสิ้นพระชนม์ชีพที่วิหารแห่งนี้

12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย        แวะกราบนมัสการ พระมหามัยมุนี ต้นแบบพระพุทธรูปทองคำทรงเครื่องกษัตริย์ที่เจดีย์มหามุนี ที่ได้รับการขนานนามว่า พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม

16.35 น. ออกเดินทางสู่เมืองพุกาม โดยสายการบินแอร์บากัน เที่ยวบินที่ W9 109 

17.05 น. เดินทางถึงสนามบินยวงอู เมืองพุกาม “ดินแดนแห่งเจดีย์หมื่นองค์” ที่มีอายุกว่า 200 ปี มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก และนำตณะฯ เข้าชม โรงงานเครื่องเขิน ชมขั้นตอนการผลิต และการเลือกซื้อเครื่องเขิน คุณภาพดี ราคาถูก

ค่ำ         รับประทานอาหารค่ำ หลังจากนั้นนั่งรถม้าชมเมืองในยามค่ำคืน
            จากนั้นเช็คอินเข้าสู่ที่พัก ระดับ 5 ดาว ณ โรงแรม AUREUM PALACE

วันที่ 3: วันเสาร์ ที่ 21 พฤษภาคม 2554 เมืองพุกาม

เช้า        รับประทานอาหารเช้า ภายในห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
             ชมเมืองพุกาม อดีตราชธานีอันดับแรกของพม่าบนฝั่งขวาของแม่น้ำอิระวดี
             ชมตลาดยวงอู แล้วนำชม เจดีย์ชเวซิกอน เจดีย์ทองแห่งชัยชนะที่พม่าเหนือมอญ สร้างโดยพระเจ้าอะนอระธามังช่อ วีรกษัตริย์ผู้สถาปนาอาณาจักรพุกามอันยิ่งใหญ่ ใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน อีกทั้งใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม
             เยี่ยมชมอานันทวิหาร ซึ่งวิหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ และสมบูรณ์แบบที่สุดในพุกาม สร้างโดยพระเจ้าจันสิทถา อายุประมาณ 900 ปี

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย        เยี่ยมชมจิตรกรรมฝาผนังอายุ 700 ปีที่ วัดกุปยอว์ยี แล้วเดินทางต่อไปยัง วัดมนูหะ อันเป็นวัดที่พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญที่พ่ายแพ้แก่พระเจ้าอโนรธา และถูกนำมาที่พุกาม เป็นผู้สร้างภายในมีพระพุทธรูป 3 องค์ ที่สร้างใหญ่เต็มพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัดที่มาอยู่ในมือพม่า พระองค์สร้างวัดนี้เพื่อหวังพ้นวัฎฎะสงสาร จะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้แก่ผู้ใดอีก ชม วิหารนานพยา เป็นวัดที่พระนัดดาของพระเจ้ามนูหะสร้างถวาย
เคยใช้เป็นที่ควบคุมตัวกษัตริย์มนูหะ ภายในมีลวดลายปูนปั้นที่เป็นศิลปะมอญที่ยังสมบูรณ์มาก
             จากนั้นนั่งรถม้าไปชมอาทิตย์อัสดงที่มิงกาลาเจดีย์ จุดชมทะเลเจดีย์แห่งพุกามซึ่งท่านสามารถมองเห็นวิวทุ่งทะเลเจดีย์ในมุม 360 องศา พร้อมเก็บภาพแห่งความประทับใจ เดินทางกลับสู่ที่พัก ระดับ 5 ดาว ณ โรงแรม AUREUM PALACE

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม AUREUM PALACE

วันที่ 4: วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม เมืองพุกาม – ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ

เช้า        รับประทานอาหารเช้า ภายในห้องอาหารของโรงแรมที่พัก จากนั้นนำคณะฯ ออกเดินทางสู่สนามบินยองอู

07.45 น. เหินฟ้าสู่กรุงย่างกุ้ง โดยสายการบินแอร์บากัน เที่ยวบินที่ W9009 (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 50 นาที)

09.35 น. ถึงสนามบินย่างกุ้ง โดยสวัสดิภาพ และนำคณะฯ เข้าเยี่ยมชม และนมัสการ “มหาเจดีย์ชเวดากอง” ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สูงสุด และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพม่า อายุกว่า 2,500 ปี หุ้มด้วยทองคำหนักกว่า 60 ตัน พระเจดีย์ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้น รวมทั้งเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้า บนยอดประดับด้วยเพชรพลอย และอัญมณีต่างๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอด
             ชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้ง ภายหลังชาวพม่าช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ ให้ตีระฆัง 3 ครั้งแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการ
              จากนั้น แวะสักการะพระเกศาธาตุ ณ วัดโบตาทาวน์ และไหว้ เทพทันใจ เชื่อกันว่าขอพรได้เร็วดั่งใจ

13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

14.30 น. ออกเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

16.40 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ PG 704

18.35 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ